กลับหน้าแรก | กระดานข่าวสีเขียว - สีคราม
ค้นหาคำถาม
:: TRIP & TREK :: โลกกว้างของคนเดินทาง :: :: ทริปเดินทาง ::: พาใจไปเที่ยว :: :: TRIP & TREK :: โลกกว้างของคนเดินทาง ::
เชิญตั้งคำถามของคุณได้ที่นี่ครับ
ย่ำหลวงพระบาง

เชื่อมั้ยถ้าจะบอกว่า หลวงพระบาง เมืองมรดกโลกวันนี้ไม่เหมือนเมื่ออดีตแล้ว
หลวงพระบาง ราชธานีที่รุ่งเรืองของอาณาจักรล้านช้าง เป็นเมืองที่งดงามด้วยศิลปะสถาปัตยกรรม ขนบประเพณีแบบเดิมๆ ที่ใสซื่อจริงใจและไร้มายาที่หาได้ยากเต็มทีในปัจจุบัน
ความที่ถูกโอบล้อมด้วยหุบเขาและแม่น้ำทำให้ยากแก่การเข้าถึง การเปลี่ยนแปลงต่างๆ จึงเกิดขึ้นอย่างช้าๆ องค์การยูเนสโกเล็งเห็นความสำคัญของเมืองเก่าที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์จึงประกาศให้เป็น "เมืองมรดกโลก" นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540
สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น!
ผู้ที่หลงใหลในสถาปัตยกรรมเก่าแก่โบราณคงเข้าใจดีว่า บ่อยครั้งความสวยงามที่เห็นนั้นก็ยากที่จะบรรยายออกมาเป็นตัวหนังสือ หลวงพระบางจึงได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกที่เข้ามาเที่ยวชมความงามของบ้านเรือน วัดวาอาราม พิพิธภัณฑ์และสถานที่สำคัญมากมายของที่นี่
เริ่มตั้งแต่การตักบาตรข้าวเหนียวที่สามารถทำได้โดยง่าย เพียงแต่ต้องตื่นแต่เช้าเท่านั้น เพราะที่นี่มีข้าวเหนียวให้ซื้อหาสำหรับใส่บาตร ไม่ต้องนั่งหุงข้าวเอง
ใส่บาตรเสร็จ ตลาดเช้าเป็นอีกแห่งที่แนะนำ เพราะเราจะรู้ได้ว่าบ้านไหนข้าวปลาอุดมสมบูรณ์แค่ไหนก็จากตลาดนี่เอง ที่สำคัญคือ เป็นโอกาสจะสำรวจกิจกรรมยามเช้า ได้ลิ้มรสอาหารถิ่นของคนบ้านนี้ ก่อนจะออกตระเวนท่องมรดกโลก เพราะมีอะไรให้เดินดูได้ทั้งวัน
อย่าง "ถ้ำติ่ง" หรือถ้ำติ้งนั่นก็น่าสนใจ เพราะเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปทั้งองค์ใหญ่องค์น้อย ที่มีความสำคัญกับพี่น้องชาวลาวเป็นอย่างมาก ทุกวันสงกรานต์หรือวันปีใหม่พี่น้องชาวลาวทั้งใกล้และไกลต่างพากันล่องเรือมาที่นี่ เพื่อนำพระมาวางถวาย นับเป็นเวลาได้ร้อยๆ ปีแล้ว
สำหรับผู้ที่มาเที่ยวชมจะต้องเดินขึ้นบันไดที่ไต่ขึ้นไปตามความสูงของเขาที่อยู่ติดกับแม่น้ำโขง แต่ไม่ถึงกับสูงมากนัก แค่พอท้วมๆ สักการะพระพุทธรูปในถ้ำแล้วจึงเดินลงมาสักการะพระพุทธรูปที่อยู่หน้าถ้ำอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นทางขึ้น-ลงเรือ แม้จะใช้เวลาในการล่องเรือราวชั่วโมงครึ่ง แต่ก็ไม่ทำให้เบื่อหน่ายเพราะเพลิดเพลินกับการชมธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ริมฝั่งโขงท่ามกลางอากาศเย็นกำลังสบาย
หลวงพระบางมุมหนึ่งก็ยังงามอยู่
งามจนอดคิดถึงบรรยากาศสมัยก่อนของบ้านเราไม่ได้ โดยเฉพาะทางแถบเมืองเหนือเมื่อสักสิบยี่สิบปีก่อน...อย่างที่เคยเห็นในหนัง
แต่อีกมุมหนึ่ง หลวงพระบางก็ไม่เหมือนเมื่ออดีต คำว่า "มรดกโลก" ไม่สามารถหยุดบ้านนั้นเมืองนั้นไม่ให้ไหลเลื่อนไปตามกระแสโลกาภิวัตน์ได้เลย
หลวงพระบางก็เช่นกัน สถานที่ซึ่งนักท่องเที่ยวในประเทศที่เจริญสูงสุดนิยมเข้าไปแสวงหาวิถีวัฒนธรรมแบบชนบทแบบเดิมๆ เติมเต็มชีวิตของพวกเขา แต่แล้วคนเหล่านี้นี่เองที่ทำให้ชีวิตชนบทที่พวกเขาแสวงหากลายเป็นชีวิตคนเมืองโดยไม่รู้ตัว
เริ่มจากที่พักอาศัยไม่ว่าจะเป็นโรงแรม เกสต์เฮาส์ ที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ตามด้วยร้านค้าร้านอาหารเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว เรียกว่าต้องหาสิ่งที่ถูกกับรสนิยมของคนที่มาท่องเที่ยวด้วย จะเห็นได้ว่าริมฝั่งแม่น้ำโขงจะมีร้านค้า ร้านอาหารของชาติต่างๆ โดยเฉพาะแนวตะวันตก ผับ บาร์ คาเฟ่ ขนาดเล็กๆ ขึ้นแซมอยู่ตามตรอกซอกซอยบนถนนสีสะหว่างวง
คนไทยเรียกกันเล่นๆ ว่า "ถนนข้าวเหนียว" เพราะนำไปเทียบกับ "ถนนข้าวสาร" บ้านเรา แต่คนบ้านนี้เรียกว่า "ตลาดมืด"
ไม่ใช่ว่าเป็นตลาดค้าของเถื่อนหรือสินค้าต้องห้ามบางอย่างเช่นในตลาดของไทย แต่ที่ชาวลาวเรียกว่าตลาดมืด ก็เพราะว่ามันเป็นตลาดที่เปิดยามค่ำคืนนั่นเอง ตอนแรกเข้าใจว่าตลาดมืด เพราะว่ามันมืดมองไม่เห็นอะไรเสียอีก แต่พอเดินไปไม่ทันถึงครึ่งทางไฟที่เปิดสว่างอยู่ก็ดับลงไปซะอย่างนั้น
แม้เวลาจะล่วงเลยจนถึง 3 ทุ่มก็แล้ว แต่ที่ตลาดมืดยังคงคึกคักเต็มไปด้วยผู้คนทั้งคนลาว คนต่างชาติ ผมดำผมแดงผมทองและผมขาวปะปนกันอยู่เป็นจำนวนมากบนถนนสายบันเทิงแห่งนี้
สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าขายเสื้อผ้า กระเป๋า ร้องเท้า ผ้าทอ และโคมไฟ รวมไปถึงสินค้าพื้นเมืองต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก มองๆ ดูแล้วก็เหมือนกับถนนข้าวสารบ้านเรานั้นเอง แต่อาจจะต่างกันตรงที่ความแออัด เพราะตลาดแห่งนี้ยังคงเดินไปมาสะดวกไม่เบียดเสียดกันอย่างบ้านเรา
ตลาดมืดหรือถนนข้าวเหนียวที่เรียกกันนี้ เป็นถนนที่รองรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะมีร้านค้าร้านอาหารหลากหลายสไตล์ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกใช้บริการ กับบรรยากาศแบบตะวันตกที่นำเอาศิลปะพื้นเมืองมาประยุกต์ประดับตกแต่งให้เข้ากับร้าน แสงไฟสลัวๆ ในบาร์เล็กๆ เคล้าเสียงเพลงเบาๆ จิบเหล้าจิบเบียร์ระหว่างนั่งสนทนากัน
ใครที่ไม่ชื่นชอบการนั่งเฉยๆ ก็ยังมีที่ให้เดินเล่นชมสินค้าของชาวหลวงพระบาง
จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากผ้าทอ เป็นสินค้าพบเห็นได้มากที่สุดในหลวงพระบาง เช่นเดียวกับในตลาดมืดแห่งนี้ ที่ละลานตาไปด้วยผ้าทอหลากสีสันทั้งเล็กใหญ่ ทั้งวางกองอยู่กับพื้นหรือพาดไว้บนราวไม้ มากมายเสียจนเลือกไม่ถูกว่าจะซื้อร้านไหนดี ทำเอาตาลายไปหมดแยกไม่ถูกว่ามันเหมือนหรือต่างกันยังไง
ผ้าทอที่นี่เน้นทำเป็นผ้าพันคอที่ขายให้ชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวยุโรปที่นิยมเหมากลับบ้านกันมาก
เหลือบไปเห็นแม่ค้าหน้าใสคนหนึ่งที่ร้องทัก "สะบายดี" คำนี้เป็นคำทักทายของชาวหลวงพระบางเหมือนกับคำว่า สวัสดี ฝรั่งยังรู้จักเลย เธอไม่ได้ขายของที่แตกต่างไปจากคนอื่นเลย เพราะสินค้าที่อยู่บนหน้าตักของเธอก็คือผ้าทอนั่นเอง
นาริน พมมะรัด แม้ค้าหน้าตาจิ้มลิ้มคนนี้อายุ 18 ปี เป็นชาวเผ่าลื้อ ไต่ถามได้ความว่าเป็นนักศึกษากำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยสุพานุวง ที่หลวงพระบาง ปี 1 คณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มาหารายได้พิเศษจากการขายของ เสียเงินค่าเช่าที่วันละ 20 บาท หรือ 5,000 กีบ ขายกันตั้งแต่หัวค่ำจนถึง 4 ทุ่มกว่าๆ ก็จะเริ่มเก็บร้านแล้ว
บางวันก็ขายได้บางวันก็ไม่ได้ ถ้าวันไหนแขกเยอะก็จะได้วันละ 400 - 1,000 บาท โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์กับช่วงหน้าหนาว นักท่องเที่ยวจะเยอะก็จะขายได้ ช่วงไหนที่คนน้อยก็ต้องได้น้อยเป็นธรรมดา ถ้าโชคดีก็ได้วันละ 2,000 บาท
เธอบอกว่า ที่มานั่งขายผ้าอยู่ทุกคืนถือได้ว่าเป็นอาชีพของครอบครัว เพราะว่าที่บ้านทอผ้าอยู่แล้ว จะให้ทำอย่างอื่นก็ไม่มีทุนที่จะทำ
ร้านอื่นๆ ก็ผ้าทอทั้งนั้น มีทั้งผ้าฝ้าย,ผ้าไหมทั้งที่เป็นชิ้นสำหรับตัดเสื้อผ้า เป็นผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าเช็ดหน้า เรียกว่าสารพัดรูปแบบราคาก็มีตั้งแต่ 100-1,000 บาท
นอกจากนี้ยังมีสินค้าที่หน้าสนใจอีกหลายรายการ แต่ที่เห็นเด่นชัดที่สุดน่าจะเป็นโคมไฟที่ชาวบ้านประดิษฐ์ขึ้นเองด้วยกระดาษสา โดยนำเอาดอกไม้ใบไม้แห้งมาทากาวแล้วปะต่อกันให้เป็นรูปทรงต่างๆ ทั้งสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม วงกลม แถมยังพับเก็บได้ เพื่อเป็นการสะดวกต่อนักท่องเที่ยวสามารถหิ้วกลับบ้านได้ แต่ต้องหาซื้อหลอดไฟใส่กันเอาเอง ราคามีตั้งแต่ 20 บาท ไปจนถึง 100 บาท ยิ่งซื้อมากก็ยิ่งได้ส่วนลด และรับรองว่าสวยเกินราคาจริงๆ
สินค้าพื้นเมืองอีกอย่างที่ขายกันมากไม่แพ้ผ้าทอนั่นก็คือ กระดานหมากรุกมีทั้งขนาดเล็กและใหญ่สวยงามไม่แพ้งานฝีมือของที่ไหนๆ และยังมีภาพวาดวิวทิวทัศน์และภาพเศียรพระพุทธรูปทั้งแบบครึ่งหน้า เต็มหน้า เป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง
ที่ดูเป็นที่ตื่นตาตื่นใจของนักท่องเที่ยวอย่างหนึ่งก็คือ เหล้าดองบรรจุอยู่ในขวดกลม,ขวดแบนหลายขนาด แต่ถ้ามองเข้าไปภายในขวดเหล้าดองดีๆ จะเห็นสัตว์สารพัดชนิด โดยเฉพาะงู ไม่ใช่งูธรรมดาเสียด้วยแต่เป็นงูจงอาง,หูเ*ที่กำลังแผ่แม่เบี้ยค้างอยู่ในขวด เชื่อกันว่าบำรุงกำลังดีนักแล
หลวงพระบางเป็นเมืองพุทธ ย่อมที่จะต้องมีสินค้าที่เกี่ยวข้องกับศาสนา นอกเหนือจากรูปวาดแล้วยังมีพระพุทธรูปทั้งองค์เล็กองค์ใหญ่วางเรียงรายให้คนเลือกเช่ากลับไปบูชา และยังมีประเภทกระดูกสัตว์เขาสัตว์ต่างๆ ที่แกะสลักเป็นรูปต่างๆ หรือจะเป็นเครื่องเงินที่ทำเป็นถ้วยชากาแฟ เครื่องประดับ
ถ้าชอบงานไม้ ที่นี่ก็มีสินค้าที่ทำจากไม้ไผ่มาจักสานเป็นเบบต่างๆ มากมาย เช่น ปล้องกัญชาที่นักท่องเที่ยวหลายคนให้ความสนใจเป็นพิเศษ
แถมอีกนิดสำหรับนักช็อปตัวจริง ที่นี้เขายังมีกระเป๋าใบเล็กใบใหญ่ที่ทำเองจากมือล้วนๆ ตั้งแต่การทอการตัดเย็บและสร้างลายผ้าแฮนด์เมดของจริง
เดินมาเหนื่อยแล้วก็ได้เวลาหาอะไรลงท้องกันบ้างละ แถวนี้มีร้านขายอาหารแบบบุฟเฟ่ต์เสียด้วย แต่ไม่ได้เลิศหรูอะไร ก็วางขายกันที่ข้างถนนนั่นล่ะ หัวละ 20 บาท กินได้ไม่อั้นมีกับข้าวใส่ไว้ในถาดประมาณ 10 อย่าง ให้เลือกตักได้ตามใจชอบ แต่เน้นไปทางมังสวิรัติซะมากกว่า
แต่ถ้าไม่ชอบข้าว เดินไปอีกมุมตลาด ขอนำเสนอก๋วยเตี๋ยวที่คนแถวนี้จะเรียกว่า "เฝ๋อ" ซึ่งก็คือก๋วยเตี๋ยวญวนนั่นเอง เสิร์ฟมาพร้อมกับผัดสดพื้นบ้านชามโต มีเครื่องเคียงเป็นพริกคั่ว กระเทียม กะปิ และผักดอง ที่ฝรั่งยกนิ้วโป้งชม แหมน่ารับประทานจริงๆ
อิ่มตาอิ่มใจและอิ่มท้องกันแล้วมองดูนาฬิกาเวลา 4 ทุ่มกว่าๆ ชาวบ้านก็จะเริ่มทยอยเก็บร้าน แพ็กของใส่ถุงแบกขึ้นบ่าเดินกลับบ้านกันเป็นทิวแถว แต่ก็ยังมีร้านค้าบางร้านที่ยังเปิดอยู่ โดยเฉพาะผับและบาร์เล็กๆ ที่เปิดเป็นเพื่อนบรรดาคนนอนดึกทั้งหลายให้ใช้บริการต่อกันอีกหลายชั่วโมง
มือใหม่หัดเที่ยวหลวงพระบางคงพอเห็นภาพเลาๆ สำหรับนักช็อปทั้งหลายก็ไม่ต้องรีบร้อนไปแลกเงินกีบ เพราะว่าที่นี้เขารับเงินไทย แถมยังทอนเป็นเงินไทยอีกด้วย
ประเทศเพื่อนบ้านก็ดีอย่างนี้แหละ ไม่ต้องใช้ภาษาอังกฤษให้เมื่อยมือ คุยภาษาไทยก็รู้เรื่องกันดี


คัดลอกจาก มติชน-กิน-เที่ยว
สุชาฎา ประพันธ์วงศ์
คอลัมน์บันทึกเดินทาง/มติชน
ฉบับวันที่ 07/08/48

โดยคุณ โมเลกุล Mail to โมเลกุล [2005-08-17 09:52:02] Bookmark and Share

โดยคุณ ม่อน [2005-08-17 11:13:21] #9609 (1/2)
ช่วงนี้หัวใจโกอินเตอร์กันบ่อย แล้วอย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยงับ
โดยคุณ Ducky [2005-08-19 07:26:55] #9685 (2/2)
ต้องรีบไปแล้วหละคะ อีกหน่อยคงเจริญมากกว่านี้ เป็ดไม่ค่อยชอบความเจริญดูแล้วมันหดหู่ยังไงก็ไม่รู้คะ