กลับหน้าแรก | กระดานข่าวสีเขียว - สีคราม
ค้นหาคำถาม
:: TRIP & TREK :: โลกกว้างของคนเดินทาง :: :: ทริปเดินทาง ::: พาใจไปเที่ยว :: :: TRIP & TREK :: โลกกว้างของคนเดินทาง ::
เชิญตั้งคำถามของคุณได้ที่นี่ครับ
...เวียดนาม....Part I

ก่อนที่เราจะไปเที่ยวเวียดนาม เรามาทำความรู้จักกับประเทศเวียดนามกันสักนิดดีกว่า รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม ถือเป็นการศึกษาประวัติศาสตร์ไว้เป็นความรู้ประดับตัวค่ะ

ภูมิหลังของเวียดนาม
เมื่อประมาณ ๓,๐๐๐ ปีมาแล้ว ชาวเวียดนามเคยอาศัยอยู่ในดินแดนแถบตอนใต้ของประเทศจีน ถูกจีนรุกรานจึงถอยร่นลงมาทางใต้ บางครั้งตกเป็นเมืองขึ้นของจีน เวียดนามจึงรับวัฒมธรรมของจีนไว้มาก
ในปี พ.ศ. ๒๔๑๖ เวียดนามตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ฝรั่งเศสได้แบ่งการปกครองเวียดนามออกเป็น ๓ แคว้น คือ แคว้นตังเกี๋ย อยู่ทางตอนเหนือ แคว้นอันนัม อยู่ทางตอนกลาง และแคว้นโคชินไชนา อยู่ทางตอนใต้ ฝรั่งเศสได้เปลี่ยนแปลงระบบการศึกษา วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียบประเพณีให้เป็นแบบฝรั่งเศส
ในปี พ.ศ. ๒๔๘๔ ได้เกิดขบวนการเวียดมินห์ขึ้น เพื่อขับไล่ฝรั่งเศส โดยมีผู้ที่มีสมญาว่าโฮจิมินห์เป็นผู้นำ
ในปี พ.ศ. ๒๔๘๕ ขณะเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ญี่ปุ่นได้เข้ายึดครองภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เวียดนามจึงได้ประกาศตนเป็นอิสระ แต่คงอยู่ในทางควบคุมของญี่ปุ่น ขบวนการเวียดมินห์ก็ได้ร่วมมือกับสหรัฐฯ และฝ่ายสัมพันธมิตร ทำการต่อต้านญี่ปุ่น เมี่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม โฮจิมินห์จึงจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวขึ้น เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๘ และหลังจากที่จักรพรรดิ์เบาได๋ ได้สละราชสมบัติในปีเดียวกันนั้น โฮจิมินห์ก็ตั้งรัฐบาลขึ้นบริหาประเทศ ในปีเดียวกัน และเปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นแบบสาธารณรัฐ ฝรั่งเศสได้หาทางกลับไปมีอิทธิพลเหนือเวียดนามอีก โดยมีอังกฤษให้ความช่วยเหลือ ขบวนการเวียดมินห์ได้พยายามต่อสู้ เพื่อขับไล่ฝรั่งเศสอยู่ ๙ ปี แต่ไม่สำเร็จ ฝรั่งเศสยึดเมืองต่าง ๆ ไว้ได้
หลังจากจีนคอมมิวนิสต์ได้ขับไล่จีนคณะชาติไปยังเกาะไต้หวัน แล้วก็ได้เข้ามาช่วยขบวนการเวียดมินห์ เพื่อขับไล่ฝรั่งเศส ต่อมาเมื่อเวียดมินห์ยึดเดียนเปียนฟูได้ ฝรั่งเศสกับเวียดนามก็ได้ทำสัญญาสงบศึกที่กรุงเจนีวา เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๗ เรียกว่า อนุสัญญาเจนีวามีสาระสำคัญคือ ให้แบ่งเวียดนามออกเป็นสองส่วน คือ เวียดนามเหนือและเวียดนามใต้โดยใช้เส้นรุ้งที่ ๑๗ เหนือ ซึ่งผ่านเมืองกวางตรี ตามแนวแม่น้ำเบนไฮ เป็นเส้นแบ่งเขตแดน และให้เวียดนามเหนือ เวียดนามใต้ ลาว และกัมพูชา ซึ่งเคยรวมเป็นอินโดจีนของฝรั่งเศสตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๖๘ แยกออกเป็นรัฐอิสระ พ้นจากการปกครองฝรั่งเศส พื้นที่บริเวณเส้นรุ้ง ๑๗ องศาเหนือ มีเขตแดนปลอดทหารด้านละไม่เกิน ๕ กิโลเมตร ในการนี้สหรัฐอเมริกา และเวียดนามใต้ไม่ได้ร่วมลงนามด้วย
เวียดนามเหนือมีนโยบายที่รวม เวียดนามเข้าด้วยกัน และปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์ โดยมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๓ แต่ไม่มีการเลือกตั้งใด ๆ แต่มีการแต่งตั้งโฮจิมินห์ขึ้นเป็นประธานาธิบดี
ทางด้านเวียดนามใต้ ยังคงตกอยู่ใต้อิทธิพลของฝรั่งเศส โดยฝรั่งเศสได้เชิญจักรพรรดิ์เบาได๋ ขึ้นเป็นประมุขปกครองประเทศ ต่อมากลุ่มผู้รักชาติ เวียดนามใต้ได้ขับไล่ฝรั่งเศสออกจากเวียดนาม จักรพรรดิ์เบาได๋ ได้แต่ตั้งนายโงดินห์เดียม เป็นนายกรัฐมตรี โดยมีระบอบการปกครองแบบสาธารณรัฐ และได้จัดให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี หลังจากที่จักรพรรดิ์ เบาได๋ สละราชสมบัติอีกครั้งหนึ่ง ในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ หลังจากนั้นก็มีการวุ่นวายแย่งชิงอำนาจกัน ในปี พ.ศ. ๒๕๐๖ ได้มีคณะทหารเข้ายึดอำนาจการปกครอง ได้ประกาศนโยบายที่จะกวาดล้างคอมมิวนิสต์ สหรัฐฯ ให้การรับรอง ต่อมาทางเวียดนามเหนือ ได้เปิดฉากทำสงครามกองโจรกับเวียดนามใต้ ตามอนุสัญญาเจนีวา พ.ศ. ๒๔๙๗ ที่ประชุมใหญ่ระหว่างชาติ มีสหรัฐฯ อังกฤษ สหภาพโซเวียต เวียดนาม ลาว และกัมพูชา มีสาระสำคัญอยู่ ๕ ประการคือ ที่สำคัญประการหนึ่งคือ เนื่องครบกำหนด ๒ ปี นับแต่ทำสัญญาสงบศึก ทั้งสองฝ่ายจะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในเวียดนาม การเลือกตั้งนี้ให้อยู่ในความควบคุมของคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศ และประชาชนทั้งสองฝ่ายอย่างมีสิทธิเลือกถิ่นที่อยู่โดยเสรี แต่ปราฏว่าไม่ได้มีการปฏิบัติตามข้อตกลง ไม่มีการเลือกตั้ง เวียดนามจึงแบ่งออกเป็น เวียดนามใต้ และเวียดนามเหนือโดยปริยาย
ในปี พ.ศ. ๒๕๐๑ เวียดนามเหนือ หรือเวียดมินห์ ได้เริ่มทำสงครามกองโจรกับเวียดนามใต้ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือโรงเรียน เวียดมินห์จะเกลี้ยกล่อมเด็กอายุระหว่าง ๑๕ - ๑๖ ปี เข้าสมัครพรรคพวกฝึกอาวุธให้ แล้วเข้าแทรกซึมในหมู่บ้านจนประสบผลสำเร็จ สามารถขยายอิทธิพลออกไปอย่างกว้างขวาง ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๐๒ เวียดมินห์เริ่มทำการรุกรานเวียดนามใต้ด้วยอาวุธ และกำลังทหาร และในปี พ.ศ. ๒๕๐๓ โฮจิมินห์ได้จัดตั้งกองกำลังเวียดกง แนวร่วมรักชาติเพื่อปลดปล่อยเวียดนามใต้ โดยได้ดำเนินการปลูกฝังแนวความคิด โฆษณาชวนเชื่อ ขู่เข็ญ คุกคาม และจูงใจในทุกวิถีทาง โดยผ่านองค์การบังหน้าต่าง ๆ
ในปี พ.ศ. ๒๕๐๔ เวียดนามเหนือได้ทำการรุกรานเวียดนามใต้อย่างรุนแรง จนรัฐบาลเวียดนามใต้ต้องขอความช่วยเหลือจาก มิตรประเทศฝ่ายโลกเสรี ในปี พ.ศ. ๒๕๐๘ เวียดนามเหนือได้ขยายกองกำลังเวียดกงขึ้นไปถึงระดับกองทัพ เริ่มเปิกฉากการรุกหนักหลายด้าน จนสามารถยึดพื้นที่ส่วนหนึ่งของภาคกลางของ เวียดนามใต้ได้เป็นจำนวนมาก และได้เข้าโจมตีเรือรบของสหรัฐฯ ทำให้ประธานาธิบดี จอห์นสัน ของสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจทำสงครามแบบขยายขอบเขต (Ecalation) เข้าไปในเวียดนามเหนือ สงครามโดยเปิดเผยระหว่างสหรัฐฯ และเวียดนามเหนือ จึงเริ่มต้นตั้งแต่กุมภาพันธ์ ๒๕๐๘ เป็นต้นมา

อ่านต่อได้ที่นี่ค่ะ
[url] http://www1.mod.go.th/heritage/nation/military/vietnam/vietnam.htm [/url]
โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-02 14:12:19] Bookmark and Share

โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-02 14:14:32] #6381 (1/33)

เมื่อทราบว่าเพื่อนจะเดินทางไปเที่ยวเวียดนาม เรามานั่งนึกว่าเราเคยได้ยินประเทศนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนเด็กๆ บ้านเราอยู่ติดกับสุสานของคนจีน มีฮวงซุ้ยและบ้านพักคนชรา แต่ไม่ใช่ ?สวางคนิวาส? บางปู แต่เป็นบ้านพักคนชราและสุสาน ซึ่งไปทาง ถนนท้ายบ้าน ทางเดียวกับฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ ในปัจจุบันเหลือแต่สุสานคนจีนอย่างเดียว บ้านพักอาแป๊ะทั้งหลาย ย้ายออกไปหมดแล้ว
ที่สุสานนี้คือสถานที่กักกันผู้อพยพ ทางบ้านสั่งห้ามนักหนาว่าห้ามเดินไปแถวนั้นโดยเด็ดขาด เพราะว่าเป็นที่พักของพวก ?ญวณอพยพ? เราไม่รู้ว่า ?ญวณ? กับ ?เวียดนาม? เหมือนกันหรือไม่ แต่ภาพที่เราเห็นคือสภาพคนอพยพที่น่าสงสาร โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ขมุกขมอม นั่นคือเวียดนามในวันวาร

เราเข้าเวียดนามทางด้านจังหวัดมุกดาหาร การเดินทางไม่มีอะไรยุ่งยากในตอนแรก ข้อมูลที่เราได้มาพอเป็นแนวทาง ส่วนเรื่องชั้นเชิงเหลี่ยมคูของคนเวียดที่ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องการตุกติก หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า tricky นั้น เป็นเรื่องที่แล้วแต่โชคชะตาที่พาไป

ทริปเราเป็นสามสาว ออกเดินทางจาก กทม. โดยรถทัวร์ปรับอากาศไป จ.มุกดาหาร ออกจาก กทม. 20.30 น. ถึง บขส.มุกดาหารเวลา 07.30 น. กินข้าวกินปลามื้อสุดท้ายในเมืองไทยให้เรียบร้อย โดยสารรถประจำทางสีเหลืองๆ ซึ่งวิ่งจาก บขส.มุกดาหาร ไปทางไหนไม่รู้ รู้แต่ว่า ผ่านไปทางท่าเรือเพื่อข้ามไปลาว เสียค่ารถสองแถวไปคนละ 5 บาท แต่ถ้านั่งรถสามล้อสกายแล็ป จะเสียคนละ 20 บาท ให้ข้อมูลไว้ ส่วนใครจะเลือกใช้บริการแบบไหนก็ตามสะดวก รถสองแถวประจำทางส่งพวกเราตรงทางเข้าไปท่าเรือ เดินต่อไปอีกสัก 200 เมตร ก็ถึงท่าเรือข้ามฝากไป แขวงสะวันเขต ( Savannakhet)

ขั้นตอนก็ไม่ยุ่งยาก นำ passport ไปซื้อตั๋วโดยสารเรือ คนละ 50 บาท เขียนใบแจ้งออกจากประเทศไทย และใบแจ้งเข้าประเทศลาวเรียบร้อย ให้เจ้าหน้าที่ ตม. ประทับตรา passport คนละปัง กับเซ็นชื่อหยุกหยิกอีกนิดหน่อย เสียค่าล่วงเวลาเนื่องจากเป็นวันเสาร์อีก คนละ 50 บาท ค่าธรรมเนียมอีก 20 บาท มีใบเสร็จมั่งไม่มีใบเสร็จมั่งก็อย่าไปสนใจมันนัก เพราะจะทำให้ยุ่งยากใจไปโดยใช่เหตุ เพราะคนข้ามไปข้ามมาวันละไม่ใช้น้อย ทุกคนรู้ แต่ผู้ใหญ่ของ ตม. ไม่รู้ ก็ปล่อยให้โง่ต่อไป....แฮ่มๆ

ใช้เวลาข้ามฝากอีกประมาณ 25 นาที เพราะเรือต้องอ้อมสันดอนทราย เสียเวลานิดหน่อย โบกมือบ๊าย บายประเทศไทย นั่งมองชาวบ้านพอเพลินๆ ก็ถึงด่านฝั่งลาว การดำเนินการเหมือนเดิมอีก ส่งใบแจ้งเข้าประเทศลาว เสียค่าธรรมเนียม 20 บาท ค่าล่วงเวลาอีก 50 บาท (ตามธรรมเนียม) แลกเงิน kips พอติดกระเป๋าสัก 1000 บาทต่อคน (อัตราตอนนั้นคือ 1 Bht= 260 Kps) เพื่อกินข้าวและซื้อตั๋ว (ชาวลาวเรียกตั๋วว่า ?***?)

เรียกรถตุ๊กๆ (ราคา 5000 Kps) ไปส่งที่สถานีรถของ Savannakhet ตรงนั้นเขาเรียกว่า ?หลักสาม? คือ กิโลเมตรที่ 3 นั่นแหละ ....

คราวนี้ถึงคราววัดดวงกันนิดหน่อย รถที่วิ่งจาก Savannakhet ไป Hue เที่ยวเช้าออกไปแล้ว เที่ยวต่อไปคือ สี่ทุ่ม แล้วเราจะทำอะไรกันที่นี่ สู้ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า คิดแล้วก็ซื้อ***โดยสารไปลงที่ชายแดนให้ใกล้ๆ ด่าน Lao Bao (ลาวบาว) เข้าไว้ แล้วค่อยว่ากัน

รถไปชายแดน ออก 12.00 น. คราวนี้การเดินทางผจญภัยไปเวียดนามของเราก็เริ่มต้นขึ้น....
โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-02 14:16:36] #6382 (2/33)

ที่สถานีขนส่งของมุกดาหาร หลังจากที่นั่งหลับๆ ตื่นๆ มาทั้งคืน
โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-02 14:37:57] #6383 (3/33)

สภาพบรรยากาศที่ท่าเรือข้ามฝากมุกดาหารและด่าน ตม. ซึ่งตั้งสำนักงานอยู่ภายใน
โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-02 14:39:20] #6384 (4/33)

ริ่มฝั่งโขงด่านมุกดาหาร วันที่ไปอากาศค่อนข้างเย็นจัด
โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-02 14:40:22] #6385 (5/33)

สภาพภายในเรือข้ามฝาก ทางด่านไทยจะจำกัดจำนวนคนโดยสารถ้าซื้อตั๋วไม่ทันก็ต้องรอรอบต่อไป
โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-02 14:46:32] #6386 (6/33)

รถที่เราจะนั่งไปชายแดน ไม่ติดแอร์นะคะ ดูสภาพเหมือนจะดี แล้วที่ลาวรถขับช้ามาก
โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-02 14:50:47] #6387 (7/33)

ตารางการเดินเรือ ฝั่งไทย....ศึกษาให้ดีๆ เพราะจะมีประโยชน์ตอนขากลับ เดี๋ยวเหมือนเรา กลับมามองฝั่งไทยตาปริบๆ ข้ามฝากไม่ได้
โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-02 14:55:39] #6388 (8/33)

โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-02 14:56:31] #6389 (9/33)

ตารางเดินรถไปชายแดน ด่านลาวบาว
โดยคุณ ฅนหลังเขา [2005-03-03 08:18:53] #6394 (10/33)
ยังไม่ถึงเวียดนามเลย ไปไหนซะแล้ว มาเร็วๆๆ มารอแล้ว
โดยคุณ Lighthouse [2005-03-03 12:27:20] #6397 (11/33)
ว้าว ข้อมูลเพียบ ขอบคุณมากๆๆ ครับ ไป ซษปา คราวหน้าอย่าลืมชวนเด้อ
โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-03 15:50:08] #6407 (12/33)
เดี๋ยวมาเล่าต่อค่ะ
โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-03 18:36:25] #6408 (13/33)

ตอนที่แล้ว เรามุ่งหน้าจากทางหลวงหมายเลข 9 จาก Savannakhet ตรงไปชายแดนประเทศลาว ซึ่งเรียกว่า จากจุดจอดรถจะเดินหรือขึ้นมอเตอร์ไซด์รับจ้างก็ได้ ไปที่ด่านแดนสะหวัน (ประเทศลาว) ดำเนินการแจ้งออกจากประเทศลาว เดินต่อไปที่ด่านลาวบาว (ประเทศเวียดนาม) ที่ลาวเสียค่าล่วงเวลา (อีกตามเคย) ที่ด่านเวียดนามไม่เสียค่าอะไรทั้งสิ้น ตอนนั้นประมาณห้าโมงเย็นแล้ว ที่ด่านลาวบาวจะมีสาวๆ มาให้บริการแลกเงินดอง

ตรงนี้จะบอกว่า เราควรจะแลกเงินดองที่ด่านลาวบาว (1000 Bht=38000 VND) เนื่องจากจะได้อัตราดีกว่า แลกกับธนาคารเวียดนาม โชคเราไม่ดี ที่เจอชายคนหนึ่ง แต่งตัวคล้ายนักบวชจีน เข้ามาชวนคุย เขาเป็นคนเวียดนาม เดินทางท่องเที่ยวทำนองจาริกแสวงบุญไปยังที่ต่างๆ เรามารู้ตัวตอนหลังๆ ที่เขามาช่วยพูดภาษาเวียดนามเพื่อช่วยเราว่า เขาได้ค่านายหน้าจาก สาวๆ ที่รับแลกเงิน ได้ค่านายหน้าจากรถตู้ ค่ารถ local bus จาก Dong ha ? Hanoi ทำให้เราเสียค่าเดินทางแพงกว่าความเป็นจริง จึงอยากให้ข้อมูลว่า อย่าไว้ใจคนเวียดนาม เพราะแต่ละคนเขี้ยวลากดินทั้งนั้น ตั้งแต่คนขับมอเตอร์ไซด์ รถตู้ หรือแม้แต่ตาม เอเจนซี่รับจองรถสำหรับนักท่องเที่ยว แม้กระทั้ง บริษัท Sinh Café ซึ่งเป็นบริษัทรับจองรถ จองทัวร์ ว่าการเดินรถเขาจะตรงเวลา หรือทัวร์เขาจะไม่ตุกติก


จากด่านเวียดนาม เรานั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ในราคา 10,000 vnd (เราว่าแพงมาก) ไปต่อรถตู้เพื่อเข้าดองฮา ในราคา 75,000 vnd ( โดนฟันหัวแบะเลยงานนี้) รถตู้รับชาวบ้านไปเรื่อย ร่วมทั้งขนของหนีภาษี โดยเฉพาะบุหรี่ เขาเย็บเสื้อกั๊กแบบพิเศษ ให้ใส่ซองบุหรี่ได้รอบตัว แล้วใส่เสื้อพิเศษตัวนี้ ก่อนสวมเสื้อชั้นนอกทับอีกครั้งหนึ่ง แรกๆ เราก็งงว่าทำไมผู้หญิงนี่อ้วนจัง ตัวกลมเลย

เราถึงดองฮาสักสองทุ่ม ทีแรกว่าจะลงไปเมือง Hue แต่เกิดเปลี่ยนแผนกระทันหัน ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว มาถึงป่านนี้ นั่งรถต่อไป Hanoi เลยดีกว่า ถามร้านอาหารก็ได้ความว่ามีรถวิ่งทุก ชั่วโมง นึกถึงแผนที่เวียดนาม เป็นประเทศยาวๆ จากเหนือจรดใต้ เพราะฉะนั้นจะมีรถวิ่งจาก ไซ่ง่อน ( Saigon)ทางด้านใต้ของประเทศ ไปยัง ฮานอย (Hanoi) เราจึงตกลงขึ้นรถจากดองฮา ไป ฮานอย ในราคา 16 $ (โดนอีกแล้ว)

เมื่อขึ้นรถเราอึ้งไปเสี้ยววินาที เพราะภายในรถเต็มไปด้วยกระสอบสัมภาระวางเต็มทางเดินกลางรถ สูงเสมอเบาะนั่ง ผู้โดยสารเต็มคันรถ ควันบุหรี่อบอวล เรายืนเก้ๆกังๆ เพราะไม่รู้จะหย่อนตัวลงตรงไหน จนเด็กรถกระตุกเสื้อว่าให้นั่งลงตรงนี้ ...ถึงตอนนี้เซ็งจนขำ หัวเราะดังๆ แล้วบอกเพื่อนว่า ?ฉันอยากทำอะไรรู้มั้ย ฉันอยากยืนขึ้นแล้วถ่ายภาพรถคันนี้เอาไว้? เพื่อนมองตาค้างแล้วบอกว่า ?ฉันว่ารอให้สว่างก่อนดีมั้ยเพื่อน?

ในที่สุดเราก็ถึงฮานอย....คือเข้าเขตฮานอยหลังจากคนขับแวะส่งของจนสายโด่ง แวะกินข้าวเป็นที่เรียบร้อย ฮานอยในแวบแรกของเราเต็มไปด้วย รถจักรยาน รถมอเตอร์ไซด์ รถยนต์ซึ่งมีน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนรถสองล้อ แล้วเขาจะบีบแตรกันสนั่น ถ้าขับรถแล้วไม่ได้บีบแตรสงสัยจะท้องผูก
โดยคุณ ผู้หญิงเดินทาง [2005-03-03 18:44:41] #6409 (14/33)
ไม่ยอมนะ เล่นแกล้งกันแบบละครนี่คะ พอถึงตอนสนุก ก็ให้ติดตามตอนต่อไป เข้ามาเล่าต่อเร็ว ๆ นะ นะ
โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-03 18:54:40] #6410 (15/33)

ทะเลสาบฮวาน เกี๋ยม

จาก bus station นั่งรถเมล์สาย 8 มาลงที่ตลาด hang dao
เราหาที่พักใกล้ๆ ทะเลสาบ เป็นย่านถนนข้าวสารเมืองฮานอย เป็นตลาดเก่า ถนน hang dao มี ที่พักหลายราคา มีเอเยนซี่รับจองรถ รับจองทัวร์ ตลาดสด ฯลฯ และไม่ไกลจากสถาที่ดูหุ่นกระบอกน้ำ

โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-03 19:05:15] #6411 (16/33)

ทางเข้าวัดหงอกเซิน อยู่ย่านเดียวกับทะเลสาบ

โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-03 19:07:59] #6412 (17/33)

โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-03 19:13:23] #6413 (18/33)

Ho Chi Minh Museum
แสดงชีวประวัติของท่าน โฮจิมินท์ ผลงาน ฯลฯ
เวลาเปิด 8.00 -11.30 a.m.
และ 2.00 -4.00 p.m. ทุกวัน
ค่าบัตร 5,000 VND
โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-03 19:14:01] #6414 (19/33)

โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-03 19:15:02] #6415 (20/33)

โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-03 19:15:25] #6416 (21/33)

โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-03 19:17:33] #6417 (22/33)

จากทะเลสาบใกล้ๆ ที่พัก เราไปเที่ยวโดยนั่งรถเมล์สาย 14 หน้าตาเป็นแบบนี้แหละค่ะ ค่ารถก็ 2500 VND
โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-03 19:25:04] #6418 (23/33)

ตึกเก่าๆ ของที่ ฮานอย ส่วนมากจะทาสีเหลืองๆ แบบนี้ ไม่แน่ใจว่าเป็นสถานที่ราชการหรือเปล่า เพราะอ่านภาษาเวียดนามไม่ออกอ่ะ
โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-03 19:25:44] #6419 (24/33)

โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-03 19:26:25] #6420 (25/33)

หนุ่มน้อยในเครื่องแบบ....
โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-03 21:21:48] #6437 (26/33)
เมื่อเข้าที่พักหลักจากนั่งรถแบบบ้าเลือด อาบน้ำ พักกันนิดหน่อย สามสาวก็ออกมากเดินเล่นที่ทะเลสาบ ที่ฮานอยวันนี้อากาศเย็นมากๆ เราเปลี่ยนมาใส่เสื้อเพิ่มทั้งหมดสี่ชั้น ถุงมือ ถุงเท้าและหมวกครบชุด ไม่อย่างงั้นจะเป็นหวัด

เราวางแผนอยู่ฮานอย กันสองคืน พรุ่งนี้มีโปรแกรมคือไปดูตลาดสด ตอนเช้า สายๆ พิพิธภัณฑ์โฮจิมินท์ เดินช้อปปิ้ง ก่อนจบรายการด้วย การดูหุ่นกระบองน้ำ
โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-03 21:24:24] #6438 (27/33)
อ้าว...เขียนผิด หุ่นกระบอกน้ำ การละเล่นของเวียดนาม
โดยคุณ Lighthouse [2005-03-03 22:28:58] #6441 (28/33)
เคยนั่งรถทัวร์กลับจาก แม่ฮ่องสอนมาถึง อ.แม่สะเรียง 6 โมง เย็น รถทัวร์ยังแวะรับผู้โดยสารอีกเพียบในจำนวนนั้น มีแหม่มฝรั่งขึ้นมาด้วยกลุ่มนึง พอรู้ว่าต้องนั่งตรงกลางทางเดินด้วยเก้าอี้พลาสติก แหม่มกลุ่มนั้นถึงกับ... [อาการเดียวกันกับ คุณ ฮานาเล]
โดยคุณ อ๋องน้อย [2005-03-04 17:41:19] #6461 (29/33)
เห็นภาพแล้วหวลนึกถึงตอนไปฮานอย เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาจัง!
โดยคุณ debby [2005-03-07 16:25:50] #6509 (30/33)
มาจดเล็คเชอร์ครับ
โดยคุณ ฮานาเล [2005-03-09 09:49:30] #6571 (31/33)
ตอนต่อไปค่ะ

http://www.tripandtrek.com/webboard/show.php?Category=&No=1149> http://www.tripandtrek.com/webboard/show.php?Category=&No=1154> http://www.tripandtrek.com/webboard/show.php?Category=&No=1155
โดยคุณ วิชิต [2005-06-27 10:05:35] #8631 (32/33)
เยอะจางค่ะ จดแทบจะเปงลมแร้ว มือก้อปวดจะตายแร้วช่วยหายาหั้ยเราหน่อยสิค่ะ อิอิ
โดยคุณ กิ๊ก [2005-08-16 16:53:23] #9588 (33/33)
สาหวัดดี