กลับหน้าแรก | กระดานข่าวสีเขียว - สีคราม
ค้นหาคำถาม
:: TRIP & TREK :: โลกกว้างของคนเดินทาง :: :: ทริปเดินทาง ::: พาใจไปเที่ยว :: :: TRIP & TREK :: โลกกว้างของคนเดินทาง ::
เชิญตั้งคำถามของคุณได้ที่นี่ครับ
ลักษณะของการแสดงต่างๆที่เกี่ยวข้องกับค่านิยมและวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น

ช่วยตอบทีค่ะ จะไปทำรายงานค่ะ
โดยคุณ bee Mail to bee [2006-01-25 13:21:48] Bookmark and Share

โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 19:44:32] #1426 (1/36)

วัดจุฬามณี มีหลวงพ่อมรณะภาพแล้วใส่โลงแก้วไว้ให้ผู้คนไปสักการะบูชาค่ะ ตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลข 325 (สมุทรสงคราม-บางแพ) กิโลเมตร 34–35 ตำบลบางช้าง
โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 19:47:43] #1427 (2/36)

เป็นวัดโบราณริมฝั่งคลองอัมพวาต่อเนื่องกับคลองผีหลอก วัดนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายรัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง สันนิษฐานว่า ท้าวแก้วผลึก (น้อย) นายตลาดบางช้าง ต้นวงศ์ราชินิกุลบางช้างเป็นผู้สร้างขึ้น
โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 19:49:03] #1428 (3/36)

บริเวณหลังวัดเดิมเป็นนิวาสสถานของคุณนาค (สมเด็จพระอมรินทรามาตย์พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 1) และคุณบุญรอด (สมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 2)
โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 19:52:12] #1429 (4/36)

มุมนี้ดิ.... ช้อบ ชอบ
โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 19:54:47] #1430 (5/36)

ที่ใส่กะตังที่วัด เวลาใส่เงินแล้วจะมีเสียงออกมาเล่าถึงประวัติ ของวัดฯ ค่ะ โตะ จาย หมด เลยยยยยยย
โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 19:57:22] #1431 (6/36)

กับวัดประดู่
คำขวัญ....วัดประดู่ บูชาหลวงพ่อใหญ่ในอุโบสถ จิตกำหนดหวังได้ดังใจหมาย เป็นศูนย์รวมชาวประดู่อยู่มิคลาย ยามทุกข์ไร้ได้หลวงพ่อพึ่งพาใจ ขอพรพระสีวลีทวีลาภ กราบปู่แจ้งหมอยาโรคาหาย ชมเครื่องราชศรัทธาน่าสนใจ ทั้งทรงไทยทองอร่ามงามจับตา
โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 19:59:30] #1432 (7/36)

เป็นวัดโบราณที่สร้างขึ้นมาในราวสมัยอยุธยาตอนปลาย สร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2320 จะพอมีหลักฐานได้ก็เพียงอุโบสถหลังเก่าซึ่งเป็นศิลปอยุธยา แต่ได้ทำการรื้อถอนหมดแล้วเพื่อสร้างอุโบสถหลังใหม่ ซึ่งหลังเดิมได้ชำรุดทรุดโทรมจนเกือบจะพังลงมาให้ได้ มีภาพจิตรกรรมเพดานศาลาการเปรียญ ซึ่งเขียนขึ้นในราว รัชกาลที่ 2
โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 20:02:09] #1433 (8/36)

ตามคำบอกเล่าของท่านผู้เฒ่าผู้แก่ ต่างก็มีเรื่องแปลก ๆ ที่มาเล่าสู่กันฟังมาก วัดประดู่ตั้งอยู่ในเขตชายแดนของจังหวัดสมุทรสงคราม ทางด้านทิศตะวันตกติดต่อกับอำเภอ วัดเพลง จังหวัดราชบุรี วัดนั้นอยู่ในเขตอำเภออัมพวา ซึ่งเป็นอำเภอเล็ก ๆ แต่ในอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 20:04:52] #1434 (9/36)

ถึงจะเป็นอำเภอเล็ก แต่ก็มีเกจิอาจารย์ระดับปรมาจารย์ที่ศักดิ์สิทธิ์เชี่ยวชาญในด้านอภิญญาหลายองค์ด้วยกัน เช่น หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม, หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี, หลวงพ่อสาย วัดจันทร์เจริญสุข, หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ และหลวงปู่หยอด วัดแก้วเจริญ และจะลืมเสียไม่ได้ จังหวัดสมุทรสงคราม เมืองราชนิ***ลเป็นที่ประสูติของ รัชกาลที่ 2 กษัตริย์ไทยแห่งราชวงศ์จักรี จังหวัดสมุทรสงคราม แบ่งเป็น 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง , อำเภอ บางคนที และอำเภออัมพวา
โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 20:08:36] #1435 (10/36)

คนเก่า ๆ เล่าว่า วัดนี้แต่เก่าก่อน ผีดุมาก มีขุมสมบัติมหาศาล และมีลายแทงอยู่ คนอายุมาก ๆ ยังจำลายแทงกันได้ เขาว่า "วัดประดู่มีรู 9 แห่ง รูไหนแจ้งให้แทงรูนั้น ตรงไหนเปียกไม่ยอมแห้งให้แทงตรงนั้น " บางคนก็ว่าเห็นเป็ดคู่หนึ่ง ตัวหนึ่งเป็นเงิน อีกตัวหนึ่งเป็นทองคำ ออกมาเดินเล่นน้ำฝน พอเห็นคนก็วิ่งหนีหายลงไปในสระ นอกจากวันดีคืนดีจึงจะขึ้นมาให้เห็นอีก มีทองคำหน้าตักประมาณ 2 ศอกกำ องค์หนึ่งท่านตกหายไปในสระจนบัดนี้ เขาว่าท่านก็ยังไม่ขึ้นมา แต่ปัจจุบันได้สร้างอุโบสถหลังใหม่ทับปิดสระไปแล้ว และยังมีเรือชะล่าใหญ่จมอยู่ใต้ดินในพื้นที่วัดอีกลำใหญ่
โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 20:13:28] #1436 (11/36)

เมื่อก่อนโน้นคนเก่า ๆ มาทำบุญที่วัดยังเอาโซ่เรือไปผูกกับโซ่เรือชะล่าซึ่งมีความใหญ่โตขนาดเท่าต้นขาคนล่ำ ๆ แต่เดี๋ยวนี้ได้จมหายไปหมดแล้ว นี่เป็นคำบอกเล่าของคนเก่าแก่ เมื่อก่อนนักแสวงหาโชคทรัพย์สมบัติมักจะพากันมาที่วัดประดู่กันมาก เพื่อที่จะพากันไปขุดสมบัติตามลายแทงที่ว่านี้
โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 20:15:33] #1437 (12/36)

บ้างไปขุดสระ บ้างไปขุดใต้ต้นมะขาม บ้างไปขุดใต้ต้นสะตือ ซึ่งมีอายุเก่าแก่หลายร้อยปี ทุกคนมักคว้าน้ำเหลว แต่ก็ยังมีคนไปขุดกันอยู่เรื่อย ๆ จนทางวัดต้องหาอุบาย และบังคับไม่ให้มีการการขุดอีก
โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 20:17:35] #1438 (13/36)

วันดีคืนดีฝนตกมาก ๆ จะได้พบกับ ลูกอม ซึ่งเป็นโลหะทำด้วยนาคบ้าง ทองคำบ้าง มีคนบอกว่านำไปใช้ติดตัวไว้ ปืนยิ่งก็ไม่ออก นับว่ามีความ ศักดิ์สิทธิ์มาก
โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 20:19:28] #1439 (14/36)

วัดประดู่เป็นโบราณสถานทางประวัติศาสตร์ที่มีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินได้มาประทับทรงเยี่ยม ซึ่งนับว่าเป็นศิริมงคลอย่างใหญ่หลวง ซึ่งมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เมื่อคราวเสด็จประพาสต้นขององค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ของปวงชนชาวไทย ยังทรงมีพระนามอีกว่า " สมเด็จพระปิยมหาราช "
โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 20:22:33] #1440 (15/36)

หลวงปู่แจ้งอดีตเจ้าอาวาสวัดประดู่ ซึ่งอยู่ในช่วงขององค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์พระองค์ท่านทรงมีพระราชศรัทธาต่อหลวงปู่แจ้งเป็นอย่างมาก ได้ทรงถวายสิ่งต่างๆอันมีค่าหาประมาณมิได้ไว้กับหลวงปู่แจ้งหลายอย่างด้วยกันเช่น เรือพระที่นั่งพร้อมเก๋งพระแท่นบรรทมปิ่นโตฯลฯ พร้อมกันนี้พระมหาสุรศักดิ์อติสกฺโขเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน พร้อมพระสงฆ์ในวัดทำการปั้นหุ่นดินสอพองปฏิมากรรมนี้เป็นชิ้นแรก และชิ้นเดียวในประเทศไทยเพราะไม่มีผู้ใดที่ใดได้ดำริจะสร้างโดยเท่าที่มีรูปถ่าย และหลวงพ่อที่ท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาสของแต่ละที่มีกิตติคุณความดีโดดเด่น
โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 20:25:46] #1441 (16/36)

ในจังหวัดสมุทรสงครามมีหลวงพ่ออ้น วัดบางจาก, หลวงพ่อคงวัดบางกะพ้อม, หลวงพ่อบ่ายวัดช่องลม, หลวงพ่อใจวัดเสด็จ, หลวงพ่อเนื่องวัดจุฬามณี, หลวงพ่อหยอดวัดแก้วเจริญ, หลวงพ่อคลี่วัดประชาโฆสิตาราม, สมเด็จพระธีรญาณมุนี อดีตเจ้าอาวาสวัดปทุมคงคาเจ้าคณะภาค๑และอดีตเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม เจ้าอาวาสวัดเพชรสมุทรวรวิหารอีกทั้งยังมีหุ่นดินสอพองแฝดอิน-จันแฝดสยาม, ผีเรือน, แม่นาคพระโขนงพ่อใหญ่ยังมีสุขเพื่อให้ทุกคนเข้ามาศึกษาชีวประวัติ และในด้านศาสตร์ศิลป์ตำนานการเล่าขานความเชื่อถือของคนโบราณถึงปัจจุบัน ภายในพิพิธภัณฑ์ยังได้เก็บของมีค่าต่างๆ ทั้งของทางวัดและจากการบริจาคของสาธุชนทั่วไปอีกด้วย
โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 20:27:50] #1442 (17/36)

ค่ายบางกุ้ง ตั้งอยู่ที่ตำบลบางกุ้ง อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลองฝั่งตะวันตก เป็นที่ตั้งกองทัพเรือในครั้งกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย สมัยพระเจ้าเอกทัศน์ โดยสร้างค่ายล้อมวัดบางกุ้งไว้ให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของบรรดาทหารหาญ
ครั้นเมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า ในปี พ.ศ. 2310 ค่ายนี้ถูกทิ้งร้าง จนเมื่อพระเจ้าตากสินกอบ***้อิสระภาพได้แล้ว ตั้งกรุงธนบุรีเป็นราชธานี จึงโปรดให้ชาวจีนรวบรวมกองกำลังตั้งเป็นทหารรักษาค่าย จึงได้ชื่ออีกชื่อหนึ่งว่าค่ายจีนบางกุ้ง
โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 20:33:33] #1443 (18/36)

โบสถ์ในต้นไม้ Unseen in Thailand

มีสิ่งก่อสร้างที่เป็นโบราณสถานหลายๆแห่ง ซึ่งมีอายุหลายร้อยปี มีอันต้องพังมลายหายไป บางแห่งมีประวัติอันยาวนาน เกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ชาติไทยหลายยุคหลายสมัย ก็เหลือไว้แต่เพียงซากปรักหักพัง ยากต่อการศึกษาค้นคว้า ปัจจัยหลายๆ ด้าน เช่น ขาดการดูแลอย่างจริงจัง, ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์, การค้นพบช้าเกินไป ฯลฯ ทำให้สิ่งที่มีคุณค่าเหล่านั้นต้องสูญสิ้นไป จากปัจจัยและเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ไม่สามารถที่จะใช้ได้กับโบราณสถานแห่งหนึ่ง "โบสถ์ปรกโพธิ์" ที่ตั้งอยู่ที่ค่ายบางกุ้ง อ.บางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม สถานที่แห่งนี้สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ผ่านเวลาอันยาวนาน ผ่านศึกสงคราม และถูกปล่อยให้รกร้าง มานานเกือบ 200 ปี แต่โบราณสถานแห่งนี้ยังคงอยู่ มิได้สูญสิ้นไปตามกาลเวลา
โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 20:35:24] #1444 (19/36)

"โบสถ์ปรกโพธิ์" แห่งนี้ ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดียิ่ง จากต้นไม้ ทั้งต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร และต้นกร่าง ที่ช่วยกันยึดพยุงโครงสร้างของโบสถ์ ให้คงรูปอยู่ได้ อีกทั้งยังแผ่กิ่งก้านครอบคลุมโบสถ์ทั้งหลัง เสมือนจะคอยปกป้องจากภัยภิบัติต่างๆ ถ้ามองจากภายนอกคิดว่าเป็นกลุ่มไม้ใหญ่ มากกว่ามีโบสถ์อยู่ข้างใน จนได้รับขนานนามใหม่ว่า "โบสถ์ในต้นไม้ " หนึ่งใน Unseen in Thailand ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคัดสรร นอกจากนี้ยังสังเกตุยังพบว่า ต้นไม้เหล่านี้จะขึ้นยึดเหนี่ยวในส่วนที่เสี่ยงต่อการหักพังมากเป็นพิเศษ ในส่วนที่ยังคงสภาพดีมีต้นไม้ขึ้นยึดเหนี่ยวน้อยมาก และในช่องประตูและหน้าต่างของโบสถ์ จะไม่มีตึ้นไม้ขึ้นปิดบังอยู่เลย
โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 20:38:38] #1445 (20/36)

"โบสถ์ปรกโพธิ์" ตั้งอยู่กลางค่ายบางกุ้ง เป็นโบสถ์ก่ออิฐถือปูน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ยกกองทัพเรือมาตั้งค่ายที่ตำบลบางกุ้ง เรียกว่า"ค่ายบางกุ้ง" โดยสร้างกำแพงล้อมวัดบางกุ้งให้อยู่กลางค่าย เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นที่เคารพบูชาของทหาร ภายในโบสถ์ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ "หลวงพ่อดำโบสถ์น้อย" (หลวงพ่อนิลมณี) และที่ผนังมีภาพจิตรกรรมซึ่งอยู่ในสภาพลบเลือน แต่พอเห็นเค้าโครงว่าเป็นเรื่องพุทธประวัติ

โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 20:48:36] #1446 (21/36)

จากค่ายบางกุ้ง ก็มุ่งสู่บ้านแมวไทยค่ะ"ศูนย์อนุรักษ์ แมวไทยโบราณ" ของ กำนันปรีชา พุคคะบุตร ที่ตำบลแควอ้อม อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม จากเส้นทางหลวงสายธนบุรี-ปากท่อ


โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 20:51:19] #1447 (22/36)

กำนันปรีชา คุณลุงวัย 67 ปีผู้เป็นเจ้าของบ้านแมวไทยแห่งนี้ และยังเป็นประธานชมรมอนุรักษ์แมวไทยมารอต้อนรับพวกเราด้วยอัธยาศัยไมตรี ... คุณแม่คุณลุงเองชอบเลี้ยงแมววิเชียรมาศไว้ในบ้าน ซึ่งคนโบราณเชื่อว่า เป็นแมวมงคลจะนำโชคลาภมาให้เจ้าของ
โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 20:53:46] #1448 (23/36)

ต้นกำเนิดของแมวไทยเรานั้น คุณลุงปรีชา อธิบายให้ฟังว่า มีทั้งหมด 23 สายพันธุ์ เป็นแมวร้ายให้โทษ 6 ชนิด ซึ่งคนโบราณเขียนไว้ในสมุดข่อยว่า ถ้าใครได้แมวใน6 ลักษณะนี้มาเลี้ยง ได้แก่ แมวทุพลเพศ แมวพรรณพยัฆ แมวปีศาจ แมวหิณโทษ แมวกอบเพลิง และ แมวเหน็บเสนียด ห้ามเลี้ยงไว้ ให้นำไปปล่อยป่า เพราะจะเกิดสิ่งไม่ดีขึ้นภายในบ้าน ความเชื่อนี้ทำให้แมวทั้ง 6 ชนิดดังกล่าวสูญหายพันธุ์ไปในที่สุด จึงเหลือเพียง 17 ชนิดที่มีการบันทึกไว้ว่า เป็นแมวให้คุณ เรียกว่า แมวมงคล ซึ่งมีต้นกำเนิดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ได้แก่ แมวนิลรัตน์ วิลาศ ศุภลักษณ์ เก้าแต้ม สีสวาด แซมเสวต รัตนกำพล วิเชียรมาศ นิลจักร มุสิลา กรอบแว่น ปัคเสวต กระจอก สิงหเสพย การะเวก จตุบท โกญจา และ แมวขาวมณี ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นเมื่อต้นรัตนโกสินทร์ และในปัจจุบันนี้ มีเหลืออยู่เพียง 5 สายพันธุ์ ก็คือ วิเชียรมาศ สีสวาด หรือ โคราชแคท ศุภลักษณ์ โกญจา และ ขาวมณี"
โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 20:55:39] #1449 (24/36)

จบแระ เมื่อย!!!
โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-13 20:58:36] #1450 (25/36)
มัยมันไม่ขึ้นอีกฟะ เว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เซ็งเลย
โดยคุณ PinKy Mail to PinKy [2005-09-13 23:54:29] #1453 (26/36)
ไม่น่าเชื่อ.. เจ๊จะถ่ายแนวแบบนี้ได้ด้วย
โดยคุณ ิbamboo [2005-09-14 00:07:31] #1457 (27/36)
ชอบโบสถ์ในต้นไม้มากครับ
อืม......คิดเหมือนคุณ pinky
โดยคุณ นายซาไกทัดดอกฝิ่น [2005-09-14 07:33:02] #1459 (28/36)
ล่มอีกแล้ว..อะ..อาถรรณ์..นะเนี่ยๆๆๆๆๆ หรือเจ้านางชอบครึ่งๆๆกลางอะ....
โดยคุณ ม่อน [2005-09-14 08:32:28] #1462 (29/36)
เจ้านางเข้าวัดได้ด้วย
โดยคุณ ซาตานสาวหน้าหวาน [2005-09-14 11:14:41] #1464 (30/36)
ก๊อะ ม๊ะได้เข้าวัดนี่ ถ่ายภาพอยู่หน้าวัด กะประตู ก็แค่นั้นเอง
ด้านในก็ฝากกล้องเขา เอาเข้าไปถ่ายภาพน่ะ ... มีรัยปะ !!!

อ้ายผีบ้า ไม่มาช่วยแล้วยัง แร้งงงงงงงงงงงงงงงน้ามจาย จามว้าย !!!

นังม่อน : ข้าน่ะเข้าวัดตอนผีออก ว๊อยยยยยยยย
โดยคุณ debby [2005-09-14 12:31:29] #1467 (31/36)
วี๊ดวิ้ว .. ทู้นี้มีสาระด้วยเฟ้ย
โดยคุณ ช.ช้าง [2005-09-16 17:10:29] #1494 (32/36)
ตามชมจนลืมกินข้าวไปเลย..................
โดยคุณ เจ้านาง [2005-09-16 22:11:57] #1496 (33/36)
ปะ ไปกินข้าวเลยไป ชิ้ว ชิ้ว
โดยคุณ อ่อนหวาน Mail to อ่อนหวาน [2006-10-01 05:12:01] #6598 (34/36)
รูปสวยมากค่ะ ใช้ทำสารคดีด้วย ขอบคุณนะคะ
โดยคุณ นนี [2007-02-09 09:04:10] #7716 (35/36)
บอกเส้นทางชัดๆ ไป วัด จุฬามณี ให้หน่อย ค่ะ
ลงจาก สะพานแขวน เลย....ไปพระราม ๒......
ตรงยาว ไป ถึง ก ม. เท่าไร แยกตรงไหน..ชื่อถนน ก็ดี
โดยคุณ คนคุ้นเคย [2007-02-09 17:41:08] #7718 (36/36)
เรยแต่ไปทางชลมารค

มีข้อมูลเท่านี้เอง.....วัดจุฬามณี ตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลข 325 (สมุทรสงคราม-บางแพ) กิโลเมตร 34 – 35