กลับหน้าแรก | กระดานข่าวสีเขียว - สีคราม
ค้นหาคำถาม
:: TRIP & TREK :: โลกกว้างของคนเดินทาง :: :: ทริปเดินทาง ::: พาใจไปเที่ยว :: :: TRIP & TREK :: โลกกว้างของคนเดินทาง ::
เชิญตั้งคำถามของคุณได้ที่นี่ครับ
จุลกฐินแม่แจ่ม
อยากไปงานจุลกฐินที่แม่แจ่มน่ะค่ะ ท่านใดพอทราบมั้ยคะ ว่าเค้าจัดกันวันไหน...แล้วจัดกันตรงไหนของแม่แจ่ม

รบกวนข้อมูลด้วยค่า...
โดยคุณ ฮานาเล [2006-09-24 15:52:39] Bookmark and Share

โดยคุณ Ducky [2006-09-25 07:49:10] #19755 (1/10)
เป็ดก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เคยเห็นรูปคะ
โดยคุณ Joyful [2006-09-25 10:06:21] #19757 (2/10)
ถามไปทาง ททท. จะได้คำตอบมั๊ยคะ ไม่ก็ลองโทร.ไปที่ ที่ว่าการอำเภอแม่แจ่ม เลยนะ เพราะเคยโทร.ไปถามเรื่องบวชลูกแก้ว สุดท้ายที่ว่าการให้คำตอบได้ดีที่สุดค่ะ
โดยคุณ debby [2006-09-25 15:17:53] #19765 (3/10)
เท่าที่ทราบ (จากการสอบถามจากคนที่แม่แจ่มเอง) .....
งานจุลกฐินที่แม่แจ่มจะไม่เหมือนกับกฐินทั่วไป และไม่ได้จัดในช่วง 1 เดือนหลังจากออกพรรษาตามประเพณีที่ปฏิบัติกัน

แต่จะเป็นกรณีพิเศษ ที่จะจัดในช่วงประมาณเดือนมกรา-กุมภา แถวๆนั้นครับ
และจุลกฐินครั้งต่อไป ก็ยังไม่ได้กำหนดวันที่แน่นอนขึ้นมา

ผมมีคนรู้จักอยุ่ที่แม่แจ่ม ... จะคอยเช็คข่าวให้เรื่อยๆนะครับ ทราบเรื่องยังไงจะมารายงานครับ
โดยคุณ Ducky [2006-09-26 07:58:01] #19782 (4/10)
ถ้าเป็นปีหน้าเป็ดก็ไปได้ดิ อยากไปเหมือนกันคะ
โดยคุณ Ducky [2006-09-26 07:58:08] #19783 (5/10)
ถ้าเป็นปีหน้าเป็ดก็ไปได้ดิ อยากไปเหมือนกันคะ
โดยคุณ ฮานาเล [2006-09-26 17:51:09] #19836 (6/10)

คุณ debby ....ไม่แน่ใจค่ะ ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ทราบแต่ว่างานกฐินจะต้องจัดภายใน 1 เดือน หลังจากออกพรรษาไม่เว้นแม้แต่งานจุลกฐิน ซึ่งจะจัดประมาณเดือน พฤศจิกายน แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นวันอาทิตย์ที่เท่าไหร่ของเดือน

ส่วนสิ่งที่ทำให้จุลกฐินต่างจากกฐินทั่วไปก็คือ ต้องทำผ้ากฐินให้เสร็จภายใน 1 วัน เริ่มตั้งแต่ประเพณีการเก็บฝ้าย การทอผ้า ฯลฯ อย่างนี้น่ะค่ะ
โดยคุณ ฮานาเล [2006-09-26 18:03:50] #19837 (7/10)
**** หามาให้อ่านกันค่ะ****

กฐินต้น คือ กฐินที่พระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดำเนินไปถวายที่วัดราษฎร์อย่างไม่เป็นทางราชการ ที่เรียกเช่นนี้เพราะเป็นการเนื่องในพระเจ้าแผ่นดิน มีลักษณะเดียวกับคำว่า ประพาสต้น ช้างต้น ม้าต้น พระธรรมกิตติวงศ์อธิบายเกี่ยวกับกฐินไว้ในหนังสือ คำวัด ดังนี้

กฐินต้น เป็นกฐินที่ไม่กำหนดวัดแน่นอน แล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดวัดใดถือเป็นพระราชกุศลส่วนพระองค์ตามพระราชอัธยาศัย ส่วนใหญ่จะเป็นวัดตามหัวเมืองที่ทรงพระศรัทธา และมิใช่เป็นวัดหลวง เพราะกฐินวัดหลวงถือว่าเป็นของหลวงหรือของพระเจ้าแผ่นดินโดยตรงอยู่แล้ว

กฐินราษฎร์ คือกฐินที่ราษฎรหรือชาวบ้านทั่วไปจัดการทอดกันเองที่วัดราษฎร์ เช่น วัดในหมู่บ้าน (หรือวัดที่ชาวบ้านช่วยกันสร้างไว้เป็นพุทธบูชาหรือวัดทั่วไป) กฐินราษฎร์อาจมีเจ้าภาพทอดคนเดียวที่เรียกว่า เจ้าภาพกฐินก็ได้ อาจรวมกันเป็นหมู่เป็นคณะไปทอดร่วมกันที่เรียกว่า กฐินสามัคคี ก็ได้ แม้การทอดจุลกฐินก็นับเป็นกฐินสามัคคีเช่นกัน

กฐินราษฎร์ส่วนใหญ่ทำกันเป็นงานใหญ่เอิกเกริก ถือว่าเป็นบุญใหญ่ได้บุญอานิสงส์มาก เช่น ทำบุญฉลองก่อนนำไปทอดบ้าง เวลานำไปวัด บ้างก็แห่แหนไปทางน้ำ บ้างก็ไปทางบก บ้างนำขึ้นหลังช้าง หลังม้า หรือใส่รถแล้วแห่แหนกันไป ทำให้ดูเป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่และสำคัญ

จุลกฐิน (อ่านว่า จุนละกะถิน) หมายถึง กฐินรีบด่วน กฐินที่ใช้เวลาเตรียมน้อย จุลกฐิน เป็นคำเรียกพิธีทอดกฐินที่ต้องเร่งรีบ ทำให้เสร็จภายในวันเดียว เริ่มตั้งแต่ปั่นฝ้าย ทอเป็นผืนผ้า เย็บ ย้อม ตากแห้งแล้วนำไปทอดเป็นผ้ากฐิน พระสงฆ์รับแล้วก็รีบกรานกฐินในวันนั้นด้วย ทำดังนี้จึงเป็นจุลกฐิน กว่าจะเป็นจุลกฐินได้จะต้องใช้ผู้คนมาก และมีความชำนาญเป็นพิเศษ กะเวลาได้ถูกจึงจะเสร็จทันเวลา และขณะทำจะดูชุลมุนกันไปหมด เพราะต้องเร่งรีบให้ทัน

ด้วยประการฉะนี้แล จึงเกิดมีสำนวนไทยเปรียบการทำงานที่ชุลมุนวุ่นวายเป็นโกลาหลเพื่อเร่งให้เสร็จทันตามกำหนดว่า “วุ่นเป็นจุลกฐิน”

(ในปัจจุบัน วิถีชีวิตในสังคมเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีต มีสิ่งอำนวยความสะดวกมาก จึงไม่มีการทอดจุลกฐินแล้ว หรืออาจมีบ้างก็เพียงเพื่อรักษาประเพณีเท่านั้น)

กฐินโจร เป็นสำนวนพูด หมายถึง กฐินที่ไปทอดโดยไม่ได้จองล่วงหน้า ไปทอดแบบจู่โจม เรียกว่า กฐินจร ก็มี

ในการทอดกฐินทั่วไป มีธรรมเนียมว่าต้องจองกฐินล่วงหน้า การที่จัดเครื่องกฐินพร้อมสรรพแล้วนำไปทอดที่วัดซึ่งยังไม่มีผู้จองกฐินทันทีทันใดแบบจู่โจม หรือบอกกะทันหันแบบตั้งตัวไม่ทันเหมือนโจรบุกขึ้นบ้าน จึงเรียกว่า กฐินโจร หรือเรียกว่า กฐินจร เพราะเป็นกฐินที่สัญจรมาโดยไม่มีการนัดหมาย ซึ่งการทอดกฐินแบบนี้ ไม่มีให้เห็นแล้วในปัจจุบัน กฐินโจรคำนี้อาจเกิดมาจากล้อคำว่า กฐินโจล ซึ่งก็แปลว่า ผ้ากฐิน เพราะมีเสียงคล้ายกัน จึงขอยืมมาล้อในกรณีที่มีการทอดกฐินแบบจู่โจม หรือไม่มีการบอกล่วงหน้าตามธรรมเนียมกฐินทั่วไป

จองกฐิน หมายถึง การแสดงความจำนงไว้กับวัดว่า จะนำกฐินมาทอดถวายแก่สงฆ์ที่จำพรรษาในวัดนั้น จองกฐิน เป็นธรรมเนียมนิยมที่ปฏิบัติกันทั่วไป ผู้ที่ต้องการจะทอดกฐินวัดใด จะต้องไปจองหรือไปแจ้งความจำนงไว้กับวัดนั้นก่อน เพื่อความแน่นอนและป้องกันการจองกฐินซ้ำซ้อน การจองกฐินนิยมจองก่อนเข้าพรรษา หรือหลังจากเข้าพรรษาแล้วไม่นาน ที่จองกันข้ามปีก็มี แต่ถ้าไม่มีการจองเลยจนออกพรรษา เรียกว่า กฐินตกค้าง จองกฐินนิยมทำเป็นหนังสือระบุวันเวลาที่จะทอดและรายละเอียดอื่น ๆ เมื่อวัดรับรองแล้วจะประกาศให้พระสงฆ์ในวัด และชาวบ้านได้ทราบ เพื่อให้รู้ว่าปีนี้ใครเป็นเจ้าภาพกฐิน และเมื่อวัดรับจองกฐินของผู้ใดแล้ว จะไม่รับจองของผู้อื่นอีก

องค์กฐิน หมายถึง ผ้ากฐิน คือผ้าผืนใดผืนหนึ่งในจำนวน ๓ ผืน หรือไตรจีวร ที่ผู้มีศรัทธานำไปทอดแก่สงฆ์ผู้อยู่จำพรรษาครบ ๓ เดือน ณ วัดใดวัดหนึ่ง เมื่อสงฆ์รับแล้วก็นำไปกรานกฐินตามพระวินัยต่อไป

องค์กฐิน เป็นคำเรียกเฉพาะผ้าผืนใดผืนหนึ่ง ที่พระท่านอธิษฐานเป็นผ้ากฐิน แต่เข้าใจกันโดยทั่วไปว่า หมายถึงผ้าไตรทั้ง ๓ ผืนที่เรียกไตรครอง เพราะเมื่อทอดกฐินนิยมทอดถวายครบทั้งไตร แท้จริงแม้พระจะรับทั้งไตร แต่เวลาจะกรานกฐิน ท่านจะกำหนดเลือกเพียงผืนใดผืนหนึ่งเท่านั้นเป็น ผ้ากฐิน ซึ่งส่วนใหญ่จะเลือก สังฆาฏิ เพราะสามารถนำติดตัวไปได้สะดวก ส่วนผ้าที่เหลืออีก ๒ ผืน รวมทั้งผ้าหรือสิ่งของที่นำไปถวายพร้อมกับองค์กฐิน เรียกว่า บริวารกฐิน

บริวารกฐิน หมายถึง สิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่จัดเตรียมไปถวายวัดร่วมกับองค์กฐิน หรือผ้ากฐิน โดยถือว่าเป็นของบริวารหรือเป็นองค์ประกอบของผ้ากฐิน เรียกว่า เครื่องกฐิน ก็ได้ บริวารกฐินเป็นสิ่งของที่จัดถวายวัดในวันทอดกฐินตามธรรมเนียม ส่วนใหญ่จะเป็นของจำเป็นสำหรับภิกษุใช้สอย เช่น เสื่อ หมอน มุ้ง กาต้มน้ำ กระติกน้ำ และของสำหรับใช้สอยร่วมในวัด เช่น ยารักษาโรค เครื่องครัว เครื่องมือก่อสร้างซ่อมแซมวัด เครื่องใช้ไฟฟ้า ตลอดถึงเครื่องมือทำความสะอาดวัด สิ่งของเหล่านี้นิยมจัดไปถวายวัดที่ไปทอดกฐินทุกแห่ง แม้แต่กฐินหลวงก็จัดสิ่งของเหล่านี้ไปถวายด้วยเหมือนกัน บริวารกฐินนับรวมถึงปัจจัย (เงิน) ผ้าที่นอกจากจากผ้ากฐินและผ้าป่าที่นำไปทอดร่วมกับกฐิน ซึ่งเรียกว่า ผ้าป่าหางกฐินด้วย

ทอดกฐิน หมายถึง การทำพิธีถวายผ้ากฐินแก่สงฆ์ผู้จำพรรษาครบ ๓ เดือน ณ วัดใดวัดหนึ่ง ทอด เป็นสำนวนที่ใช้เฉพาะในการถวายผ้ากฐินกับผ้าป่าโดยเฉพาะ กล่าวคือนิยมใช้ว่า ทอด ไม่ใช้ ถวาย กล่าวคือ ผ้ากฐินกับผ้าป่าไม่นิยมประเคน นิยมนำไปวางทอดต่อหน้าพระเฉย ๆ เป็นกิริยาพอให้รู้ว่าถวายเท่านั้น เมื่อพระท่านเห็นผ้า ท่านก็กำหนดเองว่านี่เป็นผ้ากฐินหรือผ้าป่า ดังนั้น ในเวลาอปโลกน์กฐิน จึงมีคำว่า “ผ้ากฐินทาน ...เป็นของบริสุทธิ์ดุจเลื่อนลอยมาโดยนภากาศ...” ปรากฏอยู่ เพราะเหตุที่ทอดถวายไว้ต่อหน้าพระด้วยความเคารพ จึงนิยมเรียกว่า ทอด ด้วยประการฉะนี้

อปโลกน์กฐิน หมายความว่า ประกาศขอความเห็นจากสงฆ์ว่า สมควรจะถวายผ้ากฐินซึ่งมีผืนเดียวแก่ภิกษุรูปใด ที่ประชุมตกลงให้ภิกษุรูปใด ก็เป็นไปตามนั้น การปฏิบัติแบบนี้ พระวินัยเรียกว่า อปโลกนกรรม

กรานกฐิน เมื่อพระสงฆ์ในวัดรับผ้ากฐินแล้ว จะประชุมกันทำสังฆกรรมโดยยกผ้ากฐินนั้นให้แก่ภิกษุรูปหนึ่ง ภิกษุรูปนั้นรับผ้านั้นแล้วก็นำไปซัก กะ ตัด เย็บ ย้อม ให้เสร็จภายในวันนั้น เสร็จแล้วก็ทำพินทุกัปปะอธิษฐานเป็นผ้าครอง วิธีการทั้งหมดนี้เรียกว่า กรานกฐิน เมื่ออธิษฐานแล้วภิกษุผู้กรานกฐินประกาศให้สงฆ์อนุโมทนา สงฆ์ก็รับทราบแล้วอนุโมทนา เรียกว่า อนุโมทนากฐิน เมื่อสงฆ์อนุโทนาแล้วก็จะได้รับอานิสงฆ์กฐิน คือได้รับยกเว้นพระวินัยบางประการ เช่น ไปในที่ต่าง ๆ โดยไม่ต้องนำผ้าไตรจีวรติดตัวไปครบสามผืนได้

ปัจจุบัน ผ้ากฐินส่วนใหญ่เป็นผ้าสำเร็จรูป กิจที่ต้องทำเบื้องต้นคือ ซัก กะ ตัด เย็บ ย้อม จึงไม่มี ภิกษุผู้กรานกฐินทำเพียงพินทุกัปปะ และอธิษฐานเป็นผ้าครองเท่านั้น

พินทุกัปปะ แปลว่า การทำจุดกลมหรือวงกลมเล็ก ๆ การทำจุดเหมือนหยดนำ พินทุกัปปะ เป็นภาษาพระวินัยคือ ทรงบัญญัติไว้ว่าภิกษุได้จีวรใหม่มาต้องทำพินทุกัปปะก่อนใช้ โดยใช้สีอย่างใดอย่างหนึ่งใน ๓ สี คือ สีเขียวคราม สีโคลน สีดำคล้ำ จุดที่มุมผ้านั้น วิธีจุดท่านสอนว่า ให้จุดเป็นวงกลม จุดใหญ่เท่าแววตานกยูง จุดเล็ก
หลั่งตัวเรือด เรียกว่าทำ พินทุกัปปะ หรือ ทำพินทุ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า พินทุ ก็มี ที่ต้องทำท่านให้เหตุผลว่า เพื่อให้เสียสี หรือมีตำหนิว่าเป็นของเก่า จะได้ไม่เป็นที่ต้องการของขโมย และเพื่อให้เป็นเครื่องหมายจำได้ว่าเป็นของตน

ครองกฐิน หมายถึง ปกครองรักษาผ้ากฐินโดยความเป็นใหญ่ นุ่งห่มผ้ากฐินตามสิทธิที่ได้รับอนุมัติ ในพระวินัยกำหนดไว้ว่า พระสงฆ์ในวัดเมื่อได้รับผ้ากฐินแล้ว ต้องประชุมกันทำสังฆกรรมมอบผ้ากฐินให้แก่ภิกษุรูปหนึ่ง ผู้รู้พระวินัยเรื่องกฐินดี เป็นผู้รับผ้ากฐิน ภิกษุผู้ได้รับมอบให้เป็นผู้รับผ้ากฐินนั้นก็ไปนุ่งห่มผ้ากฐิน แล้วมาประกาศให้พระสงฆ์ที่เหลืออนุโมทนา เรียกภิกษุผู้ได้รับผ้ากฐินนั้นว่า ผู้ครองกฐิน หรือ องค์ครอง

ภิกษุผู้ครองกฐินนั้นจะต้องรักษาผ้ากฐินด้วยการนุ่งห่ม เหมือนกับอยู่ในพรรษาตลอดกาลกฐิน คือ ต้องนำติดตัวไปด้วยตลอดเวลา

ข้อสังเกต ในบทความนี้มีคำว่า ภิกษุ และพระสงฆ์ ซึ่งท่านผู้อ่านควรทราบด้วยว่า มีความแตกต่างกัน ภิกษุ เป็นคำที่ใช้เรียกนักบวชชายในพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะ ผู้ที่จะเป็นภิกษุได้จะต้องมีคุณสมบัติ และผ่านการพิธีอุปสมบทโดยถูกต้องตามพระธรรมวินัยก่อน เช่น ต้องมีอายุ ๒๐ ปี ไม่มีโรคร้ายแรง ต้องมีอุปัชฌาย์รับรอง ต้องทำพิธีในอุโบสถ นักบวชชายในพระพุทธศาสนาดังกล่าวนี้ ถ้ากล่าวถึงแต่ละรูปเรียกว่า ภิกษุ ส่วนคำว่า พระสงฆ์ นั้น สงฆ์ แปลว่า หมู่ ภิกษุสงฆ์ แปลว่า หมู่ภิกษุ ตามพระวินัย ภิกษุตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไปจึงเรียกว่า สงฆ์ เช่นในคำว่า สังฆกรรม หมายความว่า กรรมที่สงฆ์คือภิกษุตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไปจะพึงทำร่วมกัน

(ข้อมูล : พระธรรมกิตติวงศ์ ทองดี สุรเตโช ปธ.๙ ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด ๒๕๔๘.๑๔๕๓
โดยคุณ Ducky [2006-09-27 07:35:58] #19841 (8/10)
เข้าใจแจ่มแจ้งเลยคะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ
โดยคุณ debby [2006-09-27 14:42:54] #19846 (9/10)
ครับผม ..

ยังไงจะตามข่าวไว้ให้ด้วยละกันครับ
ได้ข่าวเมื่อไหร่จะรีบมารายงานครับ
โดยคุณ ฮานาเล [2006-09-28 06:58:26] #19849 (10/10)
ขอบคุณค่าคุณ debby