กลับหน้าแรก | กระดานข่าวสีเขียว - สีคราม
ค้นหาคำถาม
:: TRIP & TREK :: โลกกว้างของคนเดินทาง :: :: ทริปเดินทาง ::: พาใจไปเที่ยว :: :: TRIP & TREK :: โลกกว้างของคนเดินทาง ::
เชิญตั้งคำถามของคุณได้ที่นี่ครับ
ดอยที่สูงเคียงดาวกับดอยหลวงเชียงดาว
ครั้งนี้เป็นทริปที่ได้เตรียมตัวล่วงหน้าข้ามปีเลยทีเดียว ก่อนเดินทางไม่กี่วันฝนกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา ท้องฟ้าไร้แสงแดดเป็นเวลาหลายวัน ของก็เตรียมแล้ว ใจก็เตรียมแล้ว จะเอาอย่างไรดีนะ จะล่มหรือจะลุย "The show must go on" เป็นสโลแกนจากพี่เด้บที่บอกให้รู้ว่าพวกเราพร้อมจะลุยต่อ ถึงฝนจะตกน้ำจะท่วมก็จะก้าวเดิน
โดยคุณ ม่อน [2005-12-26 11:11:18] Bookmark and Share

โดยคุณ ม่อน [2005-12-26 11:11:51] #13399 (1/30)
เริ่มเดินทางของเช้าตรู่วันที่ 3 ธันวาคม เวลาประมาณ 7.00 น. จากเชียงใหม่มุ่งสู่ตลาดแม่มาลัยด้วยรถกระบะที่อัดแน่นไปด้วยคนและสัมภาระไม่มีที่ว่างให้แมวจะดิ้นตายแค่จะเอาเท้าแกว่งหาเสี้ยนยังยากเลย พอถึงแม่มาลัยเราจัดเตรียมเสบียงและเติมพลังงาน เพราะเรารู้ดีว่าหนทางข้างหน้ากำลังรอทดสอบความอดทนและพยายายามของเราว่าจะไปได้สักแค่ไหน พลังงานที่เราเลือกทานส่วนใหญ่จะเป็นข้าวขาหมู แต่จะหมูหรือไม่ต้องรอดูกัน หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้วเราพร้อมจะเดินทางอีกครั้งสู่หน่วยทำการดอยหลวงเชียงดาวซึ่งอยู่ไกลออกไปกว่า 21 กิโลเมตร

สองข้างทางก่อนถึงหน่วยทำการดอยหลวงชุ่มชื้นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ รอให้นักสัญจรสัมผัสถึงความสมบูรณ์ของป่าแห่งนี้ คุณโอ่งแนะนำให้ดูเส้นทางที่สวยจุดหนึ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่องจดหมายรัก อื้อ สวยจริงๆแฮะ ไกลขนาดนี้ยังอุตส่าห์ดั้นด้นมาเจอได้ไงเนี่ย สักพักเราถึงที่ทำการเพื่อลงทะเบียนและจัดการกับตัวเองพร้อมที่จะลุย สัมภาระทุกอย่างถูกจัดแยกอีกครั้ง เราจะคัดเฉพาะส่วนที่จำเป็นขึ้นไปเท่านั้นเพื่อไม่ให้เกิดภาระอันหนักอึ้งอยู่บนหลังของเราขณะเดิน
โดยคุณ ม่อน [2005-12-26 11:12:23] #13400 (2/30)
เสร็จแล้วเราขึ้นรถ 4wd อีกคันเพื่อเดินทางไปสู่ทางขึ้นเด่นหญ้าขัด ทางที่จะมาทางนี้แนะนำว่าเป็นรถ 4wd เท่านั้น เพราะบางจุดจะสูงชันและอันตราย ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันฝนกระหน่ำจนพื้นถนนกลายเป็นโคลนจนรถไถลลื่นเล่นเอาพวกเราเสียวไปทั้งคัน มีแต่ความเงียบสงบยกเว้นเสียงเต้นของหัวใจที่ระทึกอยู่ข้างใน แข้งขารู้สึกสั่นจนอ่อนแรง เฮ้อ! เอาอีกแล้วตรู สงสัยจะได้ใช้ประกัน 200,000 แล้วละม้างเนี่ย ทางเป็นโคลนลูกรังที่แฉะมากๆ ยิ่งเร่งก็ยิ่งลื่นแถมเป็นไหล่เขาอีกต่างหาก อีกแค่ศอกเดียวก็ได้กรี๊ดสุดๆกันแล้ว ส่วนผมกำลังเล็งว่าจะโดดมุมไหนดี ด้วยความสามารถของคนขับกับพลังของรถทำให้เรารอดพ้นจากจุดนั้นได้ เย้....ดีใจจังเลย เก่งจังเลย ตบมือให้ แปะๆๆ พอผ่านไปเราถึงค่อยฮากันได้อีกครั้ง ฮากับความสยอง -_- !
โดยคุณ ม่อน [2005-12-26 11:13:08] #13401 (3/30)

เกือบชั่วโมงที่เราเดินทางจากหน่วยดอยหลวงถึงหน่วยเด่นหญ้าขัด มีหมาใหญ่ใจดีมาคอยต้อนรับสองตัว ส่วนหมาน้อยมาด้วยกับเรา ไม่ใจดีเพราะเรามีเอาไว้กัดลูกทริปแต่แกเป็นเจ๊ร่ำรวยที่สุด คนอะไรงานการไม่ทำ แบมือขอเงินตั้งแต่เช้า พวกเราก็ใจดีให้เศษกระดาษไปเป็นมูลค่ากว่าพันบาทจะได้ไม่หนักตอนขึ้นดอย ฮ่ะๆๆ

ที่ด่านตรวจเด่นหญ้าขัดเป็นจุดสุดท้ายที่เราสามารถจะทำภาระกิจส่วนตัวได้อย่างสบายที่สุด ที่นี่มีน้ำ มีห้องน้ำ มีเซเว่นอีเลฟเว่น(ขายเฉพาะเหล้าแฮนด์เมดอย่างเดียว) เราพักทานอาหารกลางวันที่นี่และมีผลไม้รวมจากคุณวารินทร์ อิอิ หมายถึงรวมไว้ในถุงเดียวกัน "พุทราป่า" อาหารแต่ละเมนูอร่อยโดยไม่ต้องเชิญใครมาชิม จากจุดนี้ไปเราจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจเดินดังนั้นพลังต้องตุนเอาไว้ให้พอ น้ำมีเพียง 600 ml. เท่านั้น จะใช้จะดื่มต้องวางแผนดีๆ สัมภาระกองโตเห็นแล้วต้องทำตาโตตาม โอย! ลูกหาบ 4 คนจะเอาไปหมดหรือเปล่านี่ เห็นลูกหาบมองสัมภาระแล้วบ่นพึมพำส่ายหน้าแต่ไม่ส่ายเอว ก็ของที่จะขนไปได้ต่อคนเขากำหนดไว้ไม่เกิน 20 กิโลกรัมต่อคนเท่านั้น ดังนั้นเราจึงต้องช่วยแบ่งเบาภาระส่วนที่พอจะเอาไปไหว พี่กบใจปล้ำแบกเป้ใบใหญ่ทั้งหน้าและหลังพะรุงพะรัง เห็นแล้วชื่นชมในความสามารถและน้ำใจที่มีต่อเพื่อนร่วมทาง ^_^
โดยคุณ ม่อน [2005-12-26 11:13:38] #13402 (4/30)

13.00 เริ่มออกเดินทาง ก้าวขาไปได้ไม่เท่าไรเจอเอื้องแซะที่ไม่รู้ว่ามันตีลังกามาจากกิ่งไหนร่วงหล่นบนพื้น ตากล้องของเราจึงจับขึ้นมาจัดฉากแล้วรุมข่นขืนจนหนำใจ
โดยคุณ ม่อน [2005-12-26 11:14:09] #13403 (5/30)

จากนั้นก็เดินต่อไปเรื่อยๆ และเรื่อยๆ ช่วงแรกทางยังก้าวเดินได้สะดวกหลอกให้คณะเรารู้สึกตายใจ วู้ย! ทางแค่นี้ชิว ชิว
โดยคุณ ม่อน [2005-12-26 11:14:34] #13404 (6/30)

เรากำลังเข้าสู่อ้อมกอดแห่งขุนเขาที่ยืนตระหง่านอยู่ไม่ไกล
โดยคุณ ม่อน [2005-12-26 11:15:15] #13405 (7/30)

พืชพรรณที่บอกให้เห็นถึงระดับความสูงเริ่มมีให้เห็นเป็นระยะ
โดยคุณ ม่อน [2005-12-26 11:15:41] #13406 (8/30)

สองข้างทางมีทั้งไม้ดอกและสมุนไพร ทั้งที่เคยเห็นและไม่เคยเห็น
โดยคุณ ม่อน [2005-12-26 11:16:10] #13407 (9/30)

บางดอกดูธรรมดาแต่พออยู่กับถิ่นของมันกลับรู้สึกสวย
โดยคุณ ม่อน [2005-12-26 11:17:22] #13408 (10/30)

สนสามใบ เป็นไม้ยืนต้นที่บอกให้รู้ถึงระดับความสูงของขุนเขา เคยสงสัยอยู่นานว่าทำไมเรียกสนสามใบ คุณวาฯบอกว่าในหนึ่งก้านจะมี 3 ใบ พอหยิบมาดูเออจริงด้วย มี 3 ใบจริงๆ คุณสมบัติอย่างหนึ่งของสนสามใบคือมีเปลือกบางเป็นชั้นๆ เปลือกมีน้ำมันที่ติดไฟง่าย แต่ไฟไม่สามารถทำอันตรายให้กับต้นสนถึงกับตายได้ถ้าไม่มีใครไปถากเอาเปลือกจนถึงแก่น

บางต้นมีพัฒนาการตามสภาพแวดล้อมแปลกๆทำให้เกิดผิดรูปผิดร่าง บางคนอาจจะมองว่าไฟคือตัวทำลายป่าแต่จริงแล้วมันเป็นกลไกของธรรมชาติบางพื้นที่ที่ต้องมีไฟป่า(เน้นว่าบางพื้นที่นะครับ) เพื่อให้ไฟไปเผาไหม้เปลือกของลูกสนหรือลูกไม้บางอย่างที่เปลือกหนาเพื่อให้มันผุพังพอที่จะหยั่งรากออกมาเป็นต้นใหม่ และไฟเป็นตัวขจัดใบไม้ที่รกทึบตามผืนดินให้กล้าไม้เล็กๆที่อยู่ตามพื้นผุดขึ้นมาได้ แต่....ไฟที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ 100% ไม่ใช่ไฟป่า เป็นไฟที่เกิดจากมนุษย์ทั้งสิ้นผลก็คือจะเป็นไฟที่ทำลายป่าเสียมากกว่า
โดยคุณ ม่อน [2005-12-26 11:17:50] #13409 (11/30)

เส้นทางเริ่มเป็นไหล่เขาที่ลาดชันและชื้นแฉะ บางช่วงจะเป็นโขดหินปูนโผล่เป็นระยะ ขาอาจจะต้องยกสูงขึ้นกว่าเดิม หนักกว่าเดิม ถ้ามองในแง่ดีจะทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายเพราะไม่ต้องอยู่ในอริยาบถเดียว แต่บางคนไม่พอใจลื่นถไลไปตามทาง มีเสียงกรี๊ดกร๊าดเชียร์คอนเสิร์ตเป็นระยะ
โดยคุณ ม่อน [2005-12-26 11:18:16] #13410 (12/30)

มีจุดพักแรมอยู่หลายจุด มีดงอยู่หลายที่ เยอะแยะจำไม่ไหว เหนื่อย เท่าที่จำได้ขึ้นใจคือ "ดงท้อ" ใครนะช่างตั้งชื่อ เหนื่อยๆแบบนี้ชวนให้ท้อใจ
โดยคุณ ม่อน [2005-12-26 11:18:49] #13411 (13/30)

ทางยิ่งสูงชันมากขึ้น มากขึ้น
โดยคุณ ม่อน [2005-12-26 11:19:22] #13412 (14/30)

เมฆหมอกลอยปกคลุมยอดเขาอยู่ตรงหน้าแสดงให้เห็นว่าเราขึ้นมาสูงไม่เบา เรากำลังก้าวเท้าสัมผัสกับก้อนเมฆขณะที่คนข้างล่างแหงนคอมอง และในคืนนี้เราจะเอื้อมมือสัมผัสกับดวงดาว
โดยคุณ ม่อน [2005-12-26 11:19:55] #13413 (15/30)

หลังจากเหนื่อยและท้ออยู่ไม่นาน ภูผาใหญ่ให้กำลังใจด้วยดอกไม้สีหวานเฉพาะถิ่นที่ยังพอมีให้เห็น "เทียนนกแก้ว" ลักษณะลำต้นของเทียนนกแก้วจะเหมือนกับเทียนบ้าน มีความเปราะบางเหมือนกัน แต่เทียนนกแก้วจะมีดอกที่พิเศษกว่า ลักษณะคล้ายกับนกแก้วกำลังบิน เป็นพืชที่อยู่ในระดับยอดเขาที่สูงมากๆ เท่าที่พบตอนนี้จะมีที่ดอยหลวงเชียงดาวแห่งเดียว จะออกดอกในช่วงปลายฝนต้นหนาว มีที่สิงสถิตย์อยู่ตามที่ร่มใต้ต้นไม้ใหญ่หรือตามโขดหินใต้ต้นไม้
โดยคุณ ม่อน [2005-12-26 11:20:43] #13414 (16/30)
ชื่อเรียก เทียนนกแก้ว
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Impatiens psittacina Hk. f.
ลักษณะ : เป็นพืชล้มลุก ลำต้นอวบน้ำ สูง 0.5-1.5 เมตร ใบเดี่ยวรูปไข่กว้าง โคนใบมน ปลายใบแหลม ขอบใบจัก ขนาดกว้าง 2-4 ซม. ยาว 4-6 ซม.
ลักษณะดอก สีแดงม่วงแกมแดงบางส่วนเป็นสีชมพู ออกเดี่ยวตามก้านใบ หรือปลายยอด ขนาดดอกกว้าง 2-3 ซม. ยาวประมาณ 5-6 ซม. กลีบรองดอกรูปถ้วยปากบาน ลักษณะดอกดังในภาพ
ช่วงเวลาออกดอก ต.ค. - พ.ย.
แหล่งที่พบ : ขึ้นตามรอยแตกของเขาหินปูที่มีการสะสมของอินทรีย์สาร พบที่ความสูง 1,500 -1,800 เมตร
โดยคุณ ม่อน [2005-12-26 11:21:15] #13415 (17/30)

"หาญช้างร้อง"

ความสวยงามคือภัย แต่ไม่ใช่ภัยที่มาจากเทียนนกแก้วครับ ธรรมชาติสร้างสรรค์ความสวยงามมาให้กับเทียนนกแก้ว ดูบอบบาง อ่อนโยน แต่ลืมที่จะให้ความแข็งแรงทนทาน ทำให้แหล่งที่อยู่ของมันถูกบุกรุกจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ โดยเฉพาะสัตว์ใหญ่ ดังนั้นธรรมชาติจึงแก้ตัวด้วยการให้พืชอีกชนิดหนึ่งเกิดมาอยู่เคียงคู่กัน มีเทียนนกแก้วที่ไหนมักจะมีพืชชนิดนี้ด้วย "หาญช้างร้อง" เป็นพืชล้มลุกกิ่งก้านปีนป่ายไปมาตามโขดหินหรือเขย่งแขนขาชูช่อขึ้นมา ดูผิวเผินไม่น่าจะเป็นอะไร แต่ตามผิวของมันจะมีขนอ่อนๆ เมื่อคนหรือสัตว์สัมผัสกับมันจะถูกทิ่มแล้วขนจะหักหรืองอตัวปล่อยน้ำพิษออกมาเข้าสู่ผิวหนัง ทำให้รู้สึกปวดแสบปวดร้อนและเกิดอาการบวมจึงเป็นที่มาของหาญช้างร้อง แม้แต่ช้างยังร้อง หากใครโดนให้รีบทาด้วยขี้ผึ้งแก้ปวดเท่าที่จะหาได้ กว่าจะทุเลาใช้เวลาเป็นวัน (คุณวาฯเล่าให้ฟังน่ะ ยังไม่เคยเจอกับตัวสักที)
โดยคุณ ม่อน [2005-12-26 11:22:54] #13416 (18/30)

"ภาพจากกระทู้ของคุณฮานาเล"

เส้นทางจากเด่นหญ้าขัดจนถึงอ่างสลุงจะแบ่งเป็น 3 ช่วง ช่วงแรกดงท้อ ช่วงที่สองสันกิ่วป่าคา และสุดท้ายอ่างสลุง กว่าจะผ่านแต่ละด่านเล่นเอาเหนื่อยหอบ พอผ่านช่วงแรกมาได้ เฮ้อ...อีกตั้งสองช่วง แต่ก็จำเป็นต้องเดินต่อและทางจะยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างทางช่วงที่สองจะมีทางแยกมาจากบ้านนาเลาใหม่ซึ่งขากลับเราจะใช้เส้นทางนี้ แล้วก็ผ่านจุดที่สอง เฮ้อ เมื่อไรจะถึงฟะเนี่ย
โดยคุณ ม่อน [2005-12-26 11:23:22] #13417 (19/30)

"แตงกวาป่า"

อาทิตย์เริ่มจะลับขอบฟ้าแล้วเราก็ยิ่งรีบๆๆๆเพราะถ้ามืดการเดินทางจะลำบาก ดีหน่อยที่ได้ผู้นำทางที่มีความรู้ดี ทำให้เราเดินทางไม่เหนื่อยมากแถมได้เกร็ดความรู้และเรื่องเล่าสนุกตลอดเส้นทาง
โดยคุณ ม่อน [2005-12-26 11:23:58] #13418 (20/30)

"ขนุนดิน"

จากสันกิ่วป่าคาจะเข้าสู่ดงเย็น และก็เย็นสมชื่อเพราะแสงแดดแทบจะไม่ส่งลงมากระทบผืนดิน ก่อนจะเข้าสู่เส้นทางมูนวอล์คกิ้ง ทริปของเราถือโอกาสพักตรงต้นหัวใจพาลี ฟังมหากาพย์รามเกียรต์ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งกำเนิดพาลี สุครีพ และหนุมาน
โดยคุณ ม่อน [2005-12-26 11:24:49] #13419 (21/30)

พอหายเหนื่อยต้องรีบเดินกันต่อ ตอนนี้ดวงอาทิตย์ชิงลับขอบฟ้าไปแล้วเหลือแต่แสงอ่อนๆกับจันทร์ครึ่งดวงคอยส่องแสงตลอดเส้นทาง ในระหว่างนี้เราจะไม่ได้ชื่นชมอะไรทั้งสิ้นมีแต่ความมืดสลัวครอบงำอยู่เบื้องหน้า 18.30 เราเดินทางถึงอ่างสลุง จำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 200 คนที่ทราบจากหน่วยยังขึ้นมาไม่ถึง คาดว่าจะมีการค้างแรมระหว่างทาง พวกเราเป็นกลุ่มแรกของวันที่มาที่นี่ในช่วงลองวีเอนด์ สถานที่กางเต้นท์มีให้เลือกหลายจุด จุดที่เราเลือกกางเต้นท์เป็นบริเวณโขดหินใต้ต้นไม้ จุดนี้ถือว่าเป็นทำเลทองเพราะมีแนวกันลมที่มีแนวโน้มจะหนาวเอามากๆสำหรับคืนนี้ พี่กบ เปา คลิ๊ก และม่อน เลือกที่สูงขึ้นไปอีกนิด ยังไม่ทันไรน้ำค้างเริ่มลงหนัก ลมพัดมาแต่ละครั้งทำเอาขนลุกซู่ อูยส์...ซี๊ด หนาวจริงๆ อุณหภูมิขณะนี้ 14 องศา
โดยคุณ ม่อน [2005-12-26 11:25:08] #13420 (22/30)
แล้วปัญหาใหญ่เริ่มเกิดกับเรา เมื่อลูกหาบอีกสองคนยังมาไม่ถึง ของจำเป็นหลายอย่างอยู่ที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นเต้นท์ถุงนอนชุดกันหนาวและอาหาร รอลุ้นกันอยู่ว่าจะเบี้ยวหรือเปล่าหนอ รออยู่นานจนเริ่มจะถอดใจ ดีที่ยังพอมีอาหารติดมาบ้างและได้ข้าวสารดอยจากลูกหาบมาหุงพอประทังหิวได้บ้าง จากนั้นก็รอต่อ ผู้นำทางของเราทนไม่ไหวเกรงว่าลูกหาบจะค้างแรมระหว่างทาง หรือไม่มีไฟฉายส่องเดินทางทำให้เดินทางต่อไม่ได้ เสียงคุยกันของลูกหาบที่มาก่อนกับผู้นำทางทำให้รู้สึกหวั่นไหว ลูกหาบจะเมาจนเสียงานหรือเปล่าเนี่ย ในที่สุดคุณวาฯผู้นำทางของเราสั่งให้ลูกหาบทั้งสองเดินทางย้อนกลับไปทางเดิมเพื่อดูว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า ในระหว่างรอถือโอกาสหลบหนาวในเต้นท์คุณคลิ๊กก่อนละกัน ตอของคุณคลิ๊ก เอ้ย.. ตอที่อยู่ใต้เต้นท์ของคุณคลิ๊กใหญ่จริงๆ เวลานอนต้องทำมุมเพื่อไม่ให้โดนไขสันหลัง ส่วนคนอื่นอาศัยกองถ่านเล็กๆประทังหนาวกันไป ประมาณ 3 ทุ่มลูกหาบกลับมาพร้อมสัมภาระที่รออยู่
โดยคุณ ม่อน [2005-12-26 11:27:08] #13421 (23/30)
วันนี้เดินทางทั้งวันค่อนข้างเหนื่อยและเพลีย คุณโอ่งรอลุ้นดาวบนท้องฟ้าจะปรากฏเด่นชัดหรือไม่ เปล่าหรอกไม่ใช่อยากเห็นดาว แต่การเห็นดาวหมายความว่าท้องฟ้าเปิดและเช้าวันพรุ่งนี้จะได้เห็นทะเลหมอกเต็มหุบเขา แต่คืนนี้มาลุ้นกันว่าจะหนาวขนาดไหน ..................... ราตรีสวัสดิ์
โดยคุณ debby [2005-12-26 12:14:32] #13423 (24/30)
มานั่งรออ่านต่อครับ
บรรยายได้เห็นภาพดีแท้เชียว
โดยคุณ เจ้านาง ตามมาป่วน [2005-12-26 16:48:48] #13431 (25/30)
ม่อน ๆ กรอบรูปเปลี่ยนไปฟ่ะ
โดยคุณ Lighthouse [2005-12-27 14:19:37] #13461 (26/30)
คุงม่อน ขอรูปแนวตั้งจ๊าบๆซักรูปนะ
โดยคุณ ม่อน [2005-12-28 18:02:00] #13524 (27/30)
มาต่อที่นี่
http://www.tripandtrek.com/webboard/show.php?Category=&No=1580
โดยคุณ PinKy Mail to PinKy [2005-12-29 00:57:09] #13554 (28/30)

เสียดาย ไม่เห็นทะเลหมอกด้วยกัน
โดยคุณ debby [2005-12-29 10:48:02] #13557 (29/30)
ก็เจ้านางขี้เบี้ยว จะเห็นทะเลหมอกได้ไง
โดยคุณ ลับแล [2006-01-17 18:24:35] #14005 (30/30)

สวยมากและเคยคิดว่าจะไปให้ได้เหมือนกันนะ ถ่ายรูปคมดีจังครับ ยินดีที่ได้รู้จักกลับนักเดินทางแบบคุณ