กลับหน้าแรก | กระดานข่าวสีเขียว - สีคราม
ค้นหาคำถาม
:: TRIP & TREK :: โลกกว้างของคนเดินทาง :: :: ทริปเดินทาง ::: พาใจไปเที่ยว :: :: TRIP & TREK :: โลกกว้างของคนเดินทาง ::
เชิญตั้งคำถามของคุณได้ที่นี่ครับ
ปาย...มิตรภาพเคล้าเสียงเพลง......ความทรงจำจากการเดินทางของ ธิปพล ดำรงเอกอรุณ

ปาย...มิตรภาพเคล้าเสียงเพลง
แม้เมืองปายเพิ่งประสบปัญหาอุทกภัย แต่ภาพความทรงจำจากการเดินทางของ ธิปพล ดำรงเอกอรุณ นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต

16 กันยายน 2548
โดยคุณ คนคุ้นเคย [2005-09-16 12:59:18] Bookmark and Share

โดยคุณ คนคุ้นเคย [2005-09-16 13:00:38] #10590 (1/9)
แม้เมืองปายเพิ่งประสบปัญหาอุทกภัย แต่ภาพความทรงจำจากการเดินทางของ ธิปพล ดำรงเอกอรุณ นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต


ยังกระจ่างชัดในรูปบทบันทึกคละเคล้าเสียงดนตรี และนี่เป็นส่วนหนึ่งของข้อเขียนที่เรียบเรียงใหม่ จากงานเขียนที่ส่งร่วมประกวดในโครงการ /'จุดประกาย ฟีเจอร์ อวอร์ด ครั้งที่ 2/' เรื่อง /'สุดห่างไกลแต่แสนใกล้ชิด ปาย (Pai, So Far, So Close)/'


เพลง America ของ Simon and Garfunkel เป็นเพลงที่เหมาะกับการหลีกเร้นไปสู่ดินแดนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน...

ระยะทางประมาณ 700 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ ถึงมหานครเชียงใหม่ กับกีตาร์ Ovation, กล้อง Canon EOS 50, หนังสือรางวัลซีไรต์ของ ชาติ กอบจิตติ /'เวลา/', หนังสือเพลงเพื่อชีวิตเก่าๆ, เพื่อนผู้หญิง 1 คน, เกย์ 1 คน เป็นสถานการณ์ที่ไม่วิปริตมากนัก ถ้าเทียบกับข่าวหน้าหนึ่งตามหน้าหนังสือพิมพ์ของทุกๆ วัน ไม่มีวันกำหนดเดินทาง ไม่มีการวางแผนล่วงหน้า ไม่มีการคาดหวังใดๆ ทั้งสิ้น (แต่จริงๆ คงต้องมีกันบ้าง)

บนเส้นทางสาย 1095 แม่มาลัย-แม่ฮ่องสอน ถูกขัดจังหวะด้วยดินแดนอันแสนจะโรแมนติก...ปาย


อำเภอเล็กๆ ซึ่งเป็นทางผ่านไปจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ถูกธรรมชาติสรรค์สร้างให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมแห่งหนึ่ง

ออกเดินทางโดยรถโดยสารจากหมอชิตเวลาประมาณ 3 ทุ่ม ไม่มีอะไรมาก หลับ ตื่น กิน ดื่ม ไม่มีการคิด หรือบทเพลงใดเข้ามาแทรก หลับไปถึงอาเขตเชียงใหม่เวลาประมาณ 6 โมงครึ่ง รถไปปายรอบแรกออก 9 โมงครึ่ง เลยไปกินข้าวขาหมูในอาเขต เตรียมเสบียงเครื่องดื่มระหว่างเดินทาง หนังสือขายหัวเราะเล่มล่าสุด 1 เล่ม (หนังสือคลาสสิกอย่างนี้จะพลาดได้ไง)

มีคนมารอที่จะขึ้นรถไปปายเยอะแยะ ทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ พ่อค้า-แม่ค้า ชาวบ้านทั่วไป ต่างคนต่างรออย่างสงบนิ่ง ผมไม่รู้และไม่นึกมาก่อนว่าการเดินทางจะเป็นอย่างไร ผมแค่อยากจะฟังเพลงและดื่มระหว่างเดินทาง ผมเตรียมเพลงดีๆ มาเยอะ ทั้ง The Doors, The Verve, Stone Roses, Nirvana, Blur, Oasis, Placebo, The Beatles, Smashing Pumpkins, Caspenters, RadioHead, Jimi Hendrix, Led Zeppelin, BeeGees, Stone Temple Pilots, The Cure, Queen และอีกมากมาย

ผมว่าการเดินทางมันเข้ากับบทเพลงดี ความไหลลื่นของจังหวะ ทำนอง และเมโลดี้ของดนตรี

เมื่อถึงเวลารถโดยสารเข้ามาจอดเตรียมพร้อมเมื่อถึงเวลา 9 โมงตรง บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไป ทุกคนต่างเร่งรีบและแก่งแย่งกันขึ้นรถอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน โดยเฉพาะพวกพ่อค้า-แม่ค้า ชาวบ้านบางคนมีสัมภาระใหญ่กว่าตัวเอง 2-3 เท่าตัว รีบขึ้นไปจับจองที่นั่งกันเต็มเร็วกว่าเวลาการขายบัตรคอนเสิร์ตของ Michal Jackson ผมยืนงงอยู่ตรงนั้น คิดในใจว่าแล้วผมจะไปยังไงหว่า แต่ไม่เป็นไร ยังไงก็คงไปได้ ผมถือคติ Peace&Love

ผมเล่นกีตาร์ คลอเพลง Up In The Sky ของคณะ Oasis และค่อยๆ ดื่มไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ เวลา 9 โมงครึ่งรถออก ค่ารถ 51 บาท พาเราไปถึงปายได้ แน่นอน

รถแล่นไปเรื่อยๆ ระหว่างทางยังคงแวะรับคนอีกเป็นระยะ การเดินทางในลักษณะนี้ที่ผมเรียกว่า /'วิถี/' ผมจึงได้นั่งบนสัมภาระของชาวบ้านคนหนึ่ง (ใจดี) ซึ่งผมคาดว่าข้างในคงเป็นพวกผ้าหรือเสื้อผ้าสำหรับนำไปขายหรือตัดเย็บ เพื่อนๆ ผมและนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นก็ได้นั่งด้วย ผมคุยกับเพื่อนเดินทางมากมาย ทั้งชาวญี่ปุ่น และชาวบ้าน พ่อค้า-แม่ค้าทั่วไป คำถามพื้นๆ "ไปทำอะไร?", "จะไปเที่ยวที่ไหน?", "มาจากไหน?", "คิดยังไงถึงมาที่นี่", "ทำไมถึงมา"

รอยยิ้ม...บรรยากาศระหว่างทางดีมาก แสงแดดอบอุ่น ลมพัดเย็น ผมดื่มและคุยอย่างสบายใจมาก

...ความจริงใจสื่อสารลำบาก...

ผมยิ้มในใจและเก็บมันไว้เป็นบทเรียน
โดยคุณ คนคุ้นเคย [2005-09-16 13:02:40] #10591 (2/9)
เวลาคล้อยไป แสงแดดค่อยๆ ร้อนขึ้น แต่ด้วยในภูมิภาคนี้ และแถมยังเป็นต้นฤดูฝน ทำให้อะไรๆ ก็ดูดีไปหมด ผมกำลังฟัง Smashing Pumpkins ชุด Siamese Dream เพลง /'Today/' คงเหมาะกับการเริ่มต้นของวันนี้

รถค่อยๆ แล่นขึ้น บ้างลง บ้างเลี้ยว ก็เหมือนทางชีวิตเรานั่นแหละ ถึงแม้ที่นี่จะไม่ใช่ Greyhound in Pittsburg หรือ Michigan แต่ตอนนี้ผมก็มีเพลง America ฟัง อะไรจะมีความสุขไปกว่านี้ ผมปล่อยใจไปเรื่อยๆ รับรู้ รับฟัง และสัมผัสทุกสิ่งรอบตัว เสียงลมที่พัดผ่านกระทบใบไม้ มีหมอกจางๆ เป็นระยะ แม้บางครั้งจะบดบังเส้นทางจนมองไม่เห็นถนนก็ตาม แต่ด้วยความชำนาญของคนขับรถ เราจึงวางใจ บางครั้งผมก็คิดถึงเรื่อง X-File เหมือนกัน แต่รถก็ไปได้อย่างราบรื่น

ก่อนถึงเมืองปายเล็กน้อย คนขับแวะให้ทานข้าวกลางวันที่บ้านแม่แสะ และแล้วทางเขาที่วกวนก็พาเราขึ้นสูงไปเรื่อยๆ จุดที่สูงที่สุดบนเส้นทาง คงจะเป็นแถวๆ ห้วยน้ำดังที่ต้องไต่ขึ้นไปที่กว่า 1,300 เมตร จากนั้นก็ค่อยๆ ลดระดับลง ไม่นานนักเราก็มาถึงเมืองปาย

สวยมาก ที่นี่มันที่ไหนกันนี่!

มีร้านขายของ มีตลาด มีที่พัก ร้านขายยา ร้านขายขนมปัง ร้านขายหนังสือ ร้านขายดอกไม้ สถานีตำรวจ โรงพยาบาล ธนาคาร ที่ว่าการอำเภอ ร้านขายวัสดุก่อสร้าง มินิมาร์ท มีบ้านคนมากมาย ลงจากรถก็มีมอเตอร์ไซค์รับจ้างยื่นบริการของเขา แต่ผมถนัดเดินบนเกือกตัวเองมากกว่า เดินไปเรื่อยๆ มองหาที่พักอย่างไร้จุดหมาย มาถึงโรงเรียนหนึ่งน่าจะเป็นโรงเรียนระดับประถม พอรู้ตัวอีกทีที่ผมเดินมาถึงแม่น้ำปายแล้ว มีที่พักอยู่ 2-3 ที่ ริมแม่น้ำ พวกผมเลือก /'บ้านตะวัน/' ถัดจากบ้านตะวันไป ที่พักจะเป็นแบบกระท่อมเล็กๆ ดูน่ารักดี

อากาศดีมาก ผมไม่เคยหายใจคล่องอย่างนี้มาก่อน

น้ำปายในช่วงหน้าฝนเปลี่ยนสีโดยอัตโนมัติ ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นจนน่ากลัว...แต่จนแล้วจนรอดก็ยังมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาในปายเสมอ

ประมาณ 5 โมงเย็น ผมออกมาเดินที่ตัวเมืองปาย ไม่มีอะไรแตกต่างจากบ้านเมืองทั่วไป มีของวางขายเยอะแยะทั้งของชาวบ้านและชาวเขา ผมมองหาร้านอาหารสักที่ ส่วนใหญ่เป็นอาหารที่รองรับฝรั่ง ตั้งแต่ผมเดินมาหรือมองหามา ไม่มีนักท่องเที่ยวคนไทยเลย

ผมนึกถึงเพลงท่อนหนึ่งของเพลง Alabama Song ของ the Doors ก็นี่มันชีวิตแบบ Rock & Roll นี่ ผมมีกำลังใจในการมีชีวิตขึ้นมาอีกหน่อย ผมได้ข่าวลือมาเยอะเกี่ยวกับร้านผับบาร์ และนักดนตรีที่นี่ว่าฝีมือปานเทวดาขนาดไหน ผมสะดุดตาร้านหนึ่ง ชื่อร้าน B-Bob ผมเห็นเครื่องดนตรี กลอง เบส และกีตาร์ วางอยู่ข้างใน ผมตัดสินใจเข้าไปนั่ง ผู้คน 100% เป็นฝรั่ง ยกเว้นคนขายและพวกผม กระทั่ง 4 ทุ่ม มีนักดนตรีมาเล่น เหมือนจะเป็นวงที่ไม่มีการเตรียมตัวมากันเท่าไหร่ นักดนตรีดูมอซอ มือกลองผอมเหมือนผีแห้ง

เริ่มเพลงแรกด้วยเพลงบลูส์ที่ผมไม่รู้จัก เพลงที่ 2 ผมก็ไม่รู้จัก เพลงที่ 3, 4, 5 ผมก็ไม่รู้จัก แต่ความรู้สึกผมนั้นกระเจิดกระเจิงไปกับเสียงเพลงซะแล้ว เสียงเพลงสามารถสื่อได้ด้วยความรู้สึกจากผู้ถ่ายทอดสู่ผู้รับโดยตรง ดนตรีที่ดีควรถ่ายทอดออกมาอย่างจริงใจ ไม่มีข้อจำกัดด้านภาษาหรือวัฒนธรรม รับรู้ด้วยความรู้สึก อารมณ์และชีวิต และผมไม่รังเกียจเพลงคนป่าซาไก หรือเผ่าไหนก็ตาม

Life Is Music, Music Is Life

แล้วก็มาถึงเพลงที่ผมพอจะรู้จัก Jimi Hendrix-Hey joe ผมแทบคลั่งอยู่ตรงนั้น ถึงลักษณะนักดนตรีจะดูแย่แค่ไหน แต่เสียงที่พวกเขาเล่นออกมานั้นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง แจ่มแจ้ง ถึงใจ จริงใจ และเข้าใจจริงๆ ว่าสิ่งที่เขาถืออยู่ในมือนั้นคืออะไร

ผมพูดคุยกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ รู้สึกดีว่าไม่ต้องเดินทางไกลไปต่างแดนก็สามารถศึกษาและเรียนรู้ความคิดของคนชาติอื่นได้ ความจริงหนึ่งที่เด็กไทยไม่กล้าเผชิญหน้า เพราะมัวแต่ยึดติดในโลกแคบๆ ที่สื่อต่างๆ ยัดเยียด

อากาศหนาวเย็นลงเรื่อยๆ มองเห็นหมอกจางๆ หรือที่นี่ไม่ใช่โลกมนุษย์แล้ว

โดยคุณ คนคุ้นเคย [2005-09-16 13:04:04] #10592 (3/9)
เช้าวันต่อมา ผมตื่นมาพร้อมกับความสดชื่น ผมปลุกเพื่อนๆ ให้ไปเช่ามอเตอร์ไซค์ไปหาอะไรกินกัน ผมมุ่งหาร้านข้าวซอย แต่ผมไม่รู้ทางและวนอยู่หลายรอบ เลยถามชาวบ้านจนได้ข้อมูลว่ามีอยู่ร้านเดียว กินเสร็จ พวกเราก็กลับมานอนคิดกันว่าวันนี้จะทำอะไรกันดี

พี่เจ้าของบ้านแนะนำที่เที่ยวหลายที่ จะไปแช่สปากลางแจ้งที่โป่งน้ำร้อนท่าปาย หรือจะไปวัดน้ำฮู สถานที่ประดิษฐานเจ้าพ่ออุ่นเมือง พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่พระเศียรส่วนบนสามารถเปิดได้และมีน้ำขังอยู่ น้ำในพระเศียรนี้จะซึมออกมาตลอดเวลา ทุก 10 วัน จะมีการเปิดพระเศียรและตักน้ำมาผสมกับน้ำสะอาดเก็บไว้สำหรับพุทธศาสนิกชนที่เข้ามานมัสการ ในบริเวณวัดน้ำฮูยังมีพระเจดีย์อนุสรณ์พระนางสุพรรณกัลยา พระภคินีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชอีกด้วย เชื่อกันว่าพระเจดีย์แห่งนี้สร้างโดยพระนเรศวรมหาราช เพื่อบรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยา

ที่เจดีย์พระธาตุแม่เย็น วัดแม่เย็น เป็นจุดชมทิวทัศน์อีกแห่งหนึ่งซึ่งจะทำให้มองเห็นตัว อ.ปาย ได้ชนิดสุดลูกหูลูกตา

หรือจะไปบ้านเวียงเหนือก็สามารถเห็นเมืองปายได้เกือบตลอดทางเช่นกัน

เราข้ามสะพานแม่น้ำปายไปตามถนน เลี้ยวซ้ายไปบนทางเดินที่เลาะเลียบไปตามคลองชลประทาน ผ่านสู่ช่องเขาเบื้องหน้า กิโลเมตรแรกนำเราเข้าไปถึงฝายน้ำล้นห้วยแม่เย็น ถนนดินจบลงตรงนั้น เราเดินไปตามทางเล็กๆ ผ่านไปในไร่กระเทียมของชาวบ้าน ไม่นานนักเราก็มาถึงจุดที่ต้องลุยน้ำข้ามห้วยแม่เย็น ด้วยความกลัวว่าจะต้องใส่รองเท้าที่ชุ่มไปด้วยน้ำ เราเลยบรรจงถอดรองเท้าหิ้วข้ามห้วย ในเวลาต่อมาเราก็ต้องหัวเราะเยาะตัวเอง เพราะหลังจากนั้นเราก็ได้ลุยน้ำกันอีกทั้งวัน

ทางเดินเริ่มเล็กลงซอกซอนไประหว่างช่องเขา ผืนป่าเขียวขจี เราต้องข้ามห้วยอีกนับไม่ถ้วน ห้วยแม่เย็นช่วงนี้สวยมาก น้ำลึกไม่เกินเข่า ท้องห้วยเป็นหินที่ถูกน้ำขัดจนกลมเกลี้ยงสลับกับพื้นทรายเป็นช่วงๆ ยิ่งสัมผัสด้วยเท้าเปล่ายิ่งรู้สึกดี ถ้าอากาศไม่หนาวเย็นเราคงอดใจไม่ไหวที่จะนั่งแช่น้ำกันทั้งวัน

ความงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์เป็นสิ่งมหัศจรรย์ บางครั้งมันทำให้ผมน้ำตาไหล

สามชั่วโมงต่อมา เรายังคงเดินเลาะเลียบลำห้วยทวนน้ำขึ้นไปเรื่อยๆ ลำห้วยไหลลดหลั่นลงมาราวกับน้ำตกย่อมๆ เราพยายามหาเส้นทางที่จะเดินหน้าต่อ ดูเหมือนจะไม่มีทางอื่นนอกจากไต่ไปตามโขดหิน ใช่หรือไม่ว่าความยากประการหนึ่งไม่ว่าจะเป็นในการเดินทางหรือในชีวิต ก็คือการที่ไม่รู้ว่ามาถึงจุดหมายหรือยัง...

เรานั่งพักกินข้าวกลางวันกันที่นั่น ทิวทัศน์ที่งดงามดั่งภาพวาดของศิลปินผู้ยากจนและเจ็บปวด ทำให้ข้าวเหนียวไก่ทอดน้ำพริกหนุ่มที่เตรียมมาเอร็ดอร่อยขึ้นอีก

เราไต่โขดหินทวนน้ำขึ้นไปก็พบทางเดินอีกครั้ง ทำให้เรามั่นใจมากขึ้นว่าน้ำตกคงอยู่ไม่ไกล พวกเราผ่านป่าโปร่งระหว่างช่องเขา ลำห้วยเริ่มเล็กและตื้นเขินลงเรื่อยๆ ในที่สุดทางเดินก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เราตัดสินใจนั่งพักสักครู่

พวกเราลุกขึ้นออกเดินทวนน้ำอีกครั้ง เพียงพ้นเหลี่ยมเขาที่บังตาอยู่ เราก็เห็นน้ำตกใหญ่ที่ตกลงมาจากหน้าผาที่สูงไม่ต่ำกว่าห้าสิบเมตร น่าแปลกใจที่เราไม่ได้ยินแม้แต่เสียงน้ำตกจากจุดที่เรานั่งพักกันอยู่

น้ำตกก็เป็นแค่น้ำตกไม่ได้มีอะไรสลักสำคัญ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าความยากมันอยู่ที่เราไม่รู้ว่า /'น้ำตก/' ในชีวิตเรานั้นมันอยู่ที่ใด

โดยคุณ คนคุ้นเคย [2005-09-16 13:06:01] #10593 (4/9)
ยามสนธยาคืบคลานมา เพื่อนผมไปดื่มชมที่ร้านน้ำชาสุดโรแมนติกแห่งหนึ่ง มีชาหลากหลายชนิดให้เลือก ชาบางอย่างหาไม่ได้ในกรุงเทพฯ บางชนิดมีเฉพาะในต่างประเทศ แต่รับรองว่าที่นี่แฟชั่นชาเขียวเข้ามาไม่ถึงแน่นอน ร้านนี้เปิดเพลงของ Shade เป็นทางเลือกที่ดีเหมือนกันในสถานการณ์นี้

ผมนั้นติดใจร้านขายยาดองที่มีอยู่ถึง 2 ร้าน ผมชอบวิถีชาวบ้าน ผมชอบธรรมชาติ ผมจึงสะพายกีตาร์ไปชิมรสชาติยาดองกับอากาศที่หนาวเย็น ร้านที่ผมไปมีคนนั่งดื่มอยู่พอสมควร ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ มีชาวต่างชาติประปราย หน้าร้านติดป้ายภาษาอังกฤษ /'Thai Whisky With Herb/' คงจะตรงตัวและเข้าใจที่สุดแล้ว สูตรยาดองก็มีภาษาอังกฤษบอกไว้ เช่น ม้ากระทืบโรง-Horse Power, พลังช้างสาร-Elephant Power, โด่ไม่รู้ล้ม-I can/'t remember เป็นต้น

ราคาขายชาวต่างชาติเป๊กละ 20 บาท คนไทย 5 บาท มีมะม่วงดิบจิ้มเกลือไว้ให้กินคู่กัน รสชาติบาดคอนิดหน่อย แต่ก็เข้ากับอากาศเช่นนี้

ผมใช้เวลามองดูผู้คน ซึมซับบรรยากาศและยาดองเข้าสู่ร่างกาย เวลา 30 นาที กับยาดอง 4 เป๊ก ผมค่อยๆ เดินอย่างสบายใจไปที่ร้านยาดองอีกร้านหนึ่งอย่างไม่รีบร้อน ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก็มาถึง ร้านนี้ตกแต่งค่อนข้างสลัว ออกแนวเพื่อชีวิต ร้านนี้จะผสมน้ำผึ้งกับยาดองก่อนเสิร์ฟด้วย และมีมะขามจิ้มเกลือไว้บริการ ราคาเท่ากับร้านแรก รสชาติยาดองผสมน้ำผึ้งนั้นค่อนข้างจะบาดคอมากกว่าในความรู้สึกผม แต่ก็เป็นรสชาติที่แปลกดี เหมือนชีวิตบางช่วงเราก็ต้องยอมรับความขมซะบ้าง เพื่อจะได้ไม่ลืมความหอมหวานไป

ร้านนี้ผู้คนบางตา ผมจึงเล่นกีตาร์เบาๆ ผมเลือก take it easy ของ the eagles และต่อไปๆ เพลงแล้วเพลงเล่า เป๊กแล้วเป๊กเล่า to love some body ของ the bee gees ถูกขอโดยฝรั่งคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในร้าน touch me ของ the doors ถูกขอเป็นเพลงถัดมา และถัดมาๆ...

ชาวอังกฤษคนนั้นคุยเรื่องเพลงย้อนยุคกับผม ซึ่งผมหาคนในวัยเช่นนี้คุยแทบไม่ได้ในกรุงเทพฯ เราชวนกันไป /'คาเฟ่เดลดอย/' เป็นผับที่ต้องขับรถ หรือมอเตอร์ไซค์ห้างขึ้นไปบนทางชัน

ที่นี่มีแสงสีจัดจ้าน มีที่นั่งทั้งบนโต๊ะและนั่งราบกับพื้น เวทีการแสดงไม่ใหญ่มาก บางคนไม่ใส่เกือกเดิน บางคนไม่ใส่เสื้อ บางคนถือเครื่องดนตรีส่วนตัวมาด้วย มีทั้งเครื่องดีด เครื่องเป่า และเครื่องให้จังหวะ บางอย่างผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

ด้านหลังเป็นทุ่งหญ้าคล้ายๆ ทุ่งนา บางคนดื่มและสนทนาปรัชญากันที่นั่น

การแสดงดนตรีผ่านไป นักดนตรียังคงสุดยอดเช่นเคย มีการร่วมแจมกันระหว่างนักดนตรีและนักดนตรีขาจร ผมมีโอกาสได้จับเครื่องดนตรีจาก Mexico เป็นครั้งแรกนั้นคือ /'แบนโจ/' จากมิตรต่างชาติ

วันเวลาหมุนไป ผมไปเที่ยวที่ต่างๆ โดยไม่ใช้หนังสือนำเที่ยว ชาวบ้านและผู้คนที่นี่มีน้ำใจ ผมใช้เวลาอยู่ที่นี่ 1 เดือนเต็ม ได้พบปะผู้คน ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ทั้งด้านภาษา วัฒนธรรม ความคิด มิตรภาพ ความมึนเมา และบทเพลง

ในวันอำลาเมืองปาย ผมฟังเพลง try, try, try ของคณะ Smashing Pumpkins พร้อมหนวดเคราและผมเผ้ายาวรุงรัง

.........จาก กรุงเทพธุรกิจ 16 กันยา 2548 ............
โดยคุณ ฅนหลังเขา [2005-09-16 17:50:17] #10602 (5/9)
พี่ๆ
รูปภูสอยดาวล่ะ อย่าดองดิ...
โดยคุณ .. [2005-09-16 20:03:08] #10604 (6/9)
อยากเห็นแสงอาทิตย์บนภูสอยดาวจัง...
โดยคุณ PinKy Mail to PinKy [2005-09-17 11:19:58] #10609 (7/9)
เพลงแนวนี้เหมือนกัน ได้ใจมากเลย.. ชอบบทความนี้จังเลยคับ
โดยคุณ ม่อน [2005-09-18 02:27:26] #10647 (8/9)
เหม่ๆๆๆๆ มีรูปเดี๊ยะ
โดยคุณ debby [2005-09-19 12:23:24] #10738 (9/9)
ขอบคุณครับ ที่เอามาแบ่งปันให้อ่าน
ชอบมากครับพี่