กลับหน้าแรก | กระดานข่าวสีเขียว - สีคราม
ค้นหาคำถาม
:: TRIP & TREK :: โลกกว้างของคนเดินทาง :: :: ทริปเดินทาง ::: พาใจไปเที่ยว :: :: TRIP & TREK :: โลกกว้างของคนเดินทาง ::
เชิญตั้งคำถามของคุณได้ที่นี่ครับ
ทริปหัวใจท่องโลก#1 - แง้มประตูเมืองเชียงตุง ตอน 1(เรื่องเก่าเอามาเล่าต่อ)

* ภาพโดย คนคุ้นเคย

อากาศหนาว ๆ ยามเช้าที่แม่สายทำให้พวกเราลงมากระโดดหยองแหยง ๆ เหมือนกุ้งเต้นยังไงยังงั้น ค่าที่กรุงเทพ ฯ อากาศร้อนจนตับแทบแตก เลยไม่มีใครคาดคิดว่าแม่สายจะหนาวได้เพียงนี้ หลังอาหารเช้าง่าย ๆ ที่ร้านพรพิมลจิวเวลรี่ ห่างจากด่านท่าขี้เหล็กเพียงไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น พวกเราก็เตรียมตัวเดินทางข้ามประเทศกัน..
โดยคุณ Joyful [2005-02-18 13:38:45] Bookmark and Share

โดยคุณ joyful [2005-02-18 13:40:45] #6214 (1/19)

* ศึกษาข้อมูลเชียงตุงฆ่าเวลาระหว่างการทำบัตรผ่านแดน สมาชิกบางท่านก็เดินชมตลาดแม่สาย

การข้ามเข้าไปเที่ยวในประเทศพม่านั้นสำหรับคนไทยไม่ต้องใช้พาสปอร์ต ทำเพียงบัตรผ่านแดนใบเดียวก็สามารถอยู่ในพม่าได้นานถึง 15 วัน สำหรับพิธีการทำบัตรผ่านแดนเมืองไทยนั้นใช้เวลาเพียงไม่กี่สิบนาทีก็เสร็จเรียบร้อย และเสียค่าธรรมเนียมแค่ 42 บาท รวมค่าถ่ายเอกสารไปแล้ว แต่ในส่วนของการทำบัตรผ่านแดนของพม่าใช้เวลานานเป็นชั่วโมง ค่าธรรมเนียม 10$ แล้วยังต้องจ่ายค่าอำนวยความสะดวก บนโต๊ะใต้โต๊ะวุ่นวายไปหมด ถ้าเป็นบ้านเราตอนนี้คงโดน itv เล่นงานเอาแหง ๆ
โดยคุณ joyful [2005-02-18 13:42:10] #6215 (2/19)

* ปั๊มน้ำมันในตัวเมืองท่าขี้เหล็ก

สิบโมงพิธีการต่าง ๆ เรียบร้อย เราออกเดินทางไปยังเชียงตุง ผ่านเมืองท่าขี้เหล็กของพม่า ที่นี่บ้านตามร้านรวงต่าง ๆ จะมีเขียนสองภาษาบ้าง หรือสามภาษา ทั้ง พม่า ไทย และ อังกฤษ แต่พอออกจากตัวท่าขี้เหล็กไปแล้วเราจะพบเพียงแต่ป้ายภาษาพม่าเท่านั้น ซึ่งก็สร้างความรู้สึกอึดอัดให้พวกเราไม่น้อย
โดยคุณ joyful [2005-02-18 13:43:40] #6216 (3/19)

*ด่านเก็บค่าผ่านทางที่เมืองท่าขี้เหล็ก

ออกจากตัวท่าขี้เหล็กไม่นาน เราก็เจอเข้ากับ Toll gate หรือด่านเก็บเงินค่าผ่านทางของพม่า จากจุดนี้ไปถึงท่าขี้เหล็กเราจะต้องจ่ายเงินค่าผ่านทางอีกสองด่าน รวมเป็นสามด่านด้วยกัน ที่น่าตลกมากที่สุดก็คือ ที่ด่านเขาวางตู้เก็บเงินไว้คนละด้านกับคนขับ ไม่รู้ว่าด้วยสร้างผิดหรืออย่างไร เขาจึงมีเจ้าหน้าที่หนึ่งท่านมาคอยรับเงินจากคนขับ และ อีกหนึ่งท่านคอยเก็บเงินอยู่ในตู้
โดยคุณ joyful [2005-02-18 13:44:34] #6217 (4/19)

ที่วางตุ่มน้ำบริเวณด่านตรวจ บ้านมะยาง มีต้นข้าว งอกออกจากแกลบที่เอามาวาง จากภาษาพม่าเขียนว่า "น้ำดื่ม" แต่ที่เขียนเยอะเพราะลงชื่อผู้สร้างเอาไว้ด้วย
โดยคุณ joyful [2005-02-18 13:46:32] #6218 (5/19)

* แวะพักที่เมืองท่าเดื่อ เพราะประทับตราผ่านด่าน

รถแท๊กซี่พาพวกเราวิ่งไปบนถนนคดโค้งที่เลาะเลียบไปตามไหล่เขา ผ่านหมู่บ้านเล็ก ๆ หลายแห่ง บางครั้งหมูม้งตัวดำ ๆ วิ่งข้ามถนนในระยะประชิด ทำเอาใจหายใจคว่ำ รถที่พม่าจะเป็นรถพวงมาลัยซ้าย จึงต้องขับชิดเลนขวา ทุกครั้งที่มีรถสวนทางมาเลนซ้าย ก็ทำเอาตกกะใจทุกครั้งไปเช่นกัน เราวิ่งมาถึง กม. 13 ก็จะถึงด่านบ้านท่าเดื่อ ที่คนขับจะต้องนำเอาบัตรผ่านแดนของพวกเราทุกคนไปแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ด่าน เพื่อประทับตราผ่านด่าน
โดยคุณ joyful [2005-02-18 13:48:54] #6219 (6/19)

* สิงห์หน้าประตูวัดแห่งหนึ่งที่บ้านท่าเดื่อ ใกล้ ๆ กับจุดตรวจ ดูแล้วคงสร้างขึ้นมาใหม่ และอาจจะได้รับอิทธิพลไปจากเบียร์สิงห์ของเราก็เป็นได้

พักพอได้ยืดแข้งยืดขา เราก็กลับขึ้นรถไปอีกครั้ง ผ่านเส้นทางที่เป็นหมู่บ้าน แทรกตัวอยู่ตามที่ราบในหุบเขา นาขั้นบันไดมีให้พบเห็นตลอดทาง และที่ตื่นตาตื่นใจมาก ๆ ก็เห็นจะเป็น ?ควาย? หรือ กระบือ นั่นเอง ที่ตื่นใจไม่ใช่เพราะไม่เคยเห็นควายมาก่อน แต่เพราะควายที่นี่มีเยอะมาก เดินเล็มหญ้ากลางทุ่งนาเป็นฝูงใหญ่ บางทีก็นอนเคี้ยวเอื้องอยู่ริมน้ำอย่างมีความสุข เผลอ ๆ ก็เดินข้ามถนนแบบไม่กลัวรถยนต์เลย เหตุที่ยังมีควายเยอะแยะอย่างนี้ก็เพราะที่นั่นยังใช้แรงงานควายในการทำนา จะหาควายเหล็กแบบเรานั้นไม่มีเลย ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและเหมาะสมกับภูมิประเทศของที่นั่นมาก เพราะที่นาส่วนใหญ่จะเป็นนาขั้นบันไดที่แบ่งซอยเป็นแปลงเล็ก ๆ คงไม่เหมาะกับการใช้รถไถนา นอกจากนี้ควายยังกินหญ้า ไม่กินน้ำมัน ไม่สร้างมลพิษ และยังให้ปุ๋ยคอกไว้ใช้อีกด้วย ที่สำคัญที่สุด รถไถนั้นยิ่งเก่ายิ่งเสื่อมราคม แต่ควายยิ่งเลี้ยงยิ่งเพิ่มมูลค่า... ประเทศที่เรียกตัวเองว่าพัฒนาแล้วลืมนึกถึงอะไรไปบ้างหนอ????
โดยคุณ joyful [2005-02-18 13:53:33] #6220 (7/19)

ขบวนรถแท๊กซี่สัญชาติพม่า 3 คัน พาพวกเราวิ่งลดเลี้ยวไปตามเส้นคดโค้งที่ทอดตัวเคียงคู่สายน้ำเล็ก ๆ ในหุบเขา รอบ ๆ ตัวคือปราการแห่งขุนเขาสูงใหญ่เสียดฟ้า มองไปทางใดก็มีแต่ขุนเขาแต่น่าเสียดาย ที่ล้วนแต่เป็นเขาหัวโล้นทั้งนั้น เนื่องจากมีการตัดไม้มาก ต้นเหตุสำคัญก็อาจจะไม่ใช่อื่นไกล ก็คือพ่อค้าคนไทยนี่เอง และที่น่าแปลกใจไปกว่านั้น ตลอดการเดินทาง 162 กิโลเมตรจากท่าขี้เหล็กสู่เชียงตุง เราจะเจอแม่น้ำตื้น ๆ เต็มไปด้วยโขดหินหลายสายทอดตัวเคียงคู่กับถนนตลอดการเดินทาง คนขับรถบอกกับเราว่าแม่น้ำเหล่านี้ไม่เคยแห้งเหือดเลยตลอดทั้งปี
โดยคุณ joyful [2005-02-18 13:55:20] #6221 (8/19)

* สภาพหมู่บ้านที่จะพบตลอดการเดินทางจากท่าขี้เหล็กสู่เชียงตุง

เพลิดเพลินกับสองข้างทางมาพักใหญ่ เราก็มาถึงเมืองพะยาก เมืองด่านที่สำคัญอีกเมืองหนึ่งของเชียงตุง พวกเราต้องแวะประทับตราผ่านด่านที่นี่ด้วย จุดที่สร้างความสนใจให้กับนักท่องเที่ยวมาก ไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างสวยงาม หรือธรรมชาติแต่อย่างใด แต่กลับเป็นห้องน้ำที่ทำเอาทุกคนอึ้ง ทึ่ง ไปตาม ๆ กัน ... อันนี้ต้องไปดูด้วยตาตัวเอง
โดยคุณ joyful [2005-02-18 13:56:00] #6222 (9/19)

ผ่านพิธีการที่ด่านเมืองพะยากเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ไปแวะทานอาหารที่ร้านอาหารในเมือง อาหารที่นี่จะหน้าตารสชาติเหมือนอาหารจีน แต่มีน้ำพริกที่ทำจากพริกสดและจานผักสดนานาชนิดด้วย มื้อนี้ดูทุกคนไม่ค่อยเจริญอาหารกันนัก คงเพราะอ่อนเพลียจากการเดินทางทั้งคืน และอาหารที่รสชาติไม่ค่อยคุ้นลิ้นนั่นเอง
โดยคุณ joyful [2005-02-18 13:57:25] #6223 (10/19)

จากนั้นเราก็ออกเดินทางกันต่อ ธรรมชาติสองข้างทางยังมีสายน้ำไหลขนานไปกับถนน และโอบเอาไว้ด้วยขุนเขา ราวครึ่งชั่วโมงเราก็มาถึง ?สบตาแจ่ว? ที่เป็นจุดที่ลำน้ำผา(สีแดง) และ ลำน้ำแคง(สีเขียว) ไหลมาบรรจบกัน ถัดไปเป็นทุ่งนากว้างและฝูงวัวควายนอนเคี้ยวเอื้องริมน้ำอย่างสบายอารมณ์ ห่างจากสบตาแจ่วไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตร เราก็พบพระธาตุผาพลาสุขโชค เป็นพระธาตุขนาดเล็กที่ก่อสร้างขึ้นริมถนน เชื่อกันว่าถ้าได้กราบไหว้จะบันดาลโชคลาภให้
โดยคุณ joyful [2005-02-18 13:58:51] #6224 (11/19)

รถโดยสารประจำทาง ที่นาน ๆ จะวิ่งผ่านมาให้เห็นสักคัน
โดยคุณ joyful [2005-02-18 14:01:17] #6225 (12/19)

บางครั้งเราก็จะเจอรถประจำทางจอดเสียอยู่กลางถนนบ้าง ที่นี่ไม่กีการลากจูงรถเข้าซ่อมข้างทาง เสียก็จอดอยู่อย่างนั้น ส่วนผู้โดยสารก็จะนั่งซุกตัวตามร่มเงาไม้เล็ก ๆ ข้างทาง ... เกิดเป็นไทยสบายกว่าเป็นไหน ๆ
โดยคุณ joyful [2005-02-18 14:03:07] #6226 (13/19)

* ทุ่งนา สายน้ำ และ ควาย 3 สิ่งที่จะพบเห็นได้ตลอดการเดินทางสู่เมืองเชียงตุง

พวกเรามุ่งหน้าเดินทางต่อไป ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายคล้อยมากแล้ว สภาพสองข้างทางยังคงเหมือนเดิม เราหยุดพักรถกันบ้างครั้งตรงจุดสวย ๆ น่าถ่ายภาพ สุดท้ายเรามาแวะที่บ้านสบน้ำยอย ที่มีร้านค้าและห้องน้ำให้แวะพักได้ จากนั้นก็มุ่งตรงสู่เชียงตุง รถพาเราข้ามสะพานเล็ก ๆ ที่สร้างโดยคนจีน ทำให้มีลักษณะคล้าย ๆ กับสะพายที่เราเคยเห็นในหนังจีนบ่อย ๆ
โดยคุณ joyful [2005-02-18 14:04:43] #6227 (14/19)

* ต้นไทรขนาดใหญ่ที่พบเห็นได้ทั่วไปในเมืองเชียงตุง

บ่ายสี่โมงเรามาถึงด่านเชียงตุง ที่นี่มีต้นไทรขนาดใหญ่ยืนต้นอยู่ 4-5 ต้น ขนาดใหญ่มาก ๆ นับเป็นโชคดีของต้นไทรที่ชาวไทใหญ่เชื่อว่าเป็นต้นไม้ที่มีวิญญาณอาศัยอยู่ ก็เลยไม่ถูกโค่นลง เรามักจะเจอต้นไทรใหญ่ ๆ ได้ทั่วไปในเมืองเชียงตุง
โดยคุณ joyful [2005-02-18 14:07:32] #6228 (15/19)

คนขับรถเข้าไปติดต่อที่ด่านครู่เดียวเราก็ออกเดินทางกันต่อ เราผ่านโรงเรียนมีเด็กตัวน้อยนุ่งโสร่งสีเขียวและสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว คนขับรถบอกว่านี่เป็นเครื่องแบบของนักเรียน ชั่วอึดใจเราก็เข้าสู่ตัวเมืองเชียงตุง ภาพแรกของเชียงตุงไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ ตึกรามบ้านช่องมีสถาปัตยกรรมของอังกฤษปะบนอยู่บ้าน ร้านรวงมีเปิดอยู่ไม่มากนัก ไม่มีการวางข้าวของขายบนฟุตบาท มีรถจักรยานยนต์วิ่งสวนมาเป็นระยะ แทบจะไม่มีผู้คนสัญจร ไม่มีนักท่องเที่ยว ช่างเป็นเมืองที่เงียบสงบเหลือเกิน
โดยคุณ debby [2005-02-18 14:43:50] #6229 (16/19)
อิอิ ? เอามาลงยั่วอีกแย้ว
โดยคุณ joyful [2005-02-18 16:00:06] #6231 (17/19)
ต่อกระทู้ถัดไปค่ะ เดี๋ยวโหลดไม่ขึ้น

http://www.tripandtrek.com/webboard/show.php?Category=&No=1138
โดยคุณ บักต้าม [2005-02-18 17:02:45] #6244 (18/19)
รถโดยสาร คลาสสิกมาเลยชอบจังอยากนั่ง
โดยคุณ ม่อน [2005-02-21 12:49:56] #6257 (19/19)
ประทับใจรถโดยสารมากเลย ใช้ได้คุ้มจริงๆ สงสัยได้แม่พันธุ์มาจากรถเมล์ผสมกับรถตู้และเมื่อดูจากล้ออะไหล่อาจได้เชื้อชู้จาก4wd