ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
มีนาคม 29, 2024, 06:43:00 PM
ศิลปวัฒนธรรม [ ปี 1-5 ]

+  TRIP & TREK โลกกว้างของคนเดินทาง
|-+  กระดานข่าวสีเขียว
| |-+  ศิลปวัฒนธรรม (ผู้ดูแล: tooom, bamboo)
| | |-+  รอยอัปยศที่ไม่มีวันลบเลือนจากสงคราม "ปล้นสมบัติจีน"
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: รอยอัปยศที่ไม่มีวันลบเลือนจากสงคราม "ปล้นสมบัติจีน"  (อ่าน 4014 ครั้ง)
รอยอัปยศที่ไม่มีวันลบเลือนจากสงคราม "ปล้นสมบัติจีน"
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2009, 07:52:47 AM »

การนำรูปปั้นหัวนักษัตรหนูกับกระต่าย ที่ถูกปล้นชิงมาจากพระราชวังแห่งนั้นมาประมูลขายในกรุงปารีส เสมือนเป็นการเปิดปากแผลอดีตให้เหวอะหวะ นำมาซึ่งการต่อสู้เรียกร้องสิทธิของนักชาตินิยม
       
       “ การปล้นพระราชวังฤดูร้อน(หยวนหมิงหยวน) โดยฝรั่งเศสและอังกฤษ และการเผาพระราชวัง ซึ่งอังกฤษเป็นคนเริ่มก่อน ยังคงเป็นอาชญากรรม ที่ไม่มีวันให้อภัยในความทรงจำของชาวจีน” แบร์นาร์ด บริเซย์ ผู้แต่งหนังสือเล่มหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้กล่าว
       
       “ สำหรับฝรั่งเศสแล้ว มันก็เหมือนกับคราวที่พวกเปอร์เชียเผาผลาญพระราชวังแวร์ซายส์ จนราบ ปล้นชิงพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ และจุดไฟเผาหอสมุดแห่งชาติ อย่างที่หยวนหมิงหยวนถูกกระทำครั้งนั้น” เขาแจกแจง
       
       พวกฝรั่งตาน้ำข้าวยาตราทัพถึงกรุงปักกิ่งในเดือนตุลาคม ปีค.ศ. 1860 ซึ่งสงครามฝิ่นครั้งที่ 2 จวนจะสิ้นสุด หลังจากอังกฤษและฝรั่งเศสรบกับจีนมานานถึง 4 ปี
       
       ในตอนแรกพวกทหารเพียงแค่เข้าปล้นชิงข้าวของในพระราชวัง ซึ่งปัจจุบันชาวจีนเรียกกันว่า พระราชวังฤดูร้อนเก่า แต่ได้ย้อนกลับมาเผา เพื่อแก้แค้นให้กับตัวประกันชาวฝรั่งเศสและอังกฤษ ที่ถูกทรมานและฆ่าตาย
       
       พระราชวังซึ่งก่อสร้างแบบตะวันตกแห่งนี้ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงปักกิ่งในยุคที่ราชวงศ์ชิงกำลังรุ่งเรือง และจักรพรรดิมักเสด็จมาประทับที่นี่ เพื่อหลีกเร้นจากนครต้องห้าม และอากาศอันแสนอบอ้าวในหน้าร้อน
       
       การย่ำยีพระราชวังไม่เพียงแต่คนจีนเท่านั้นที่ตกตะลึง ทว่าชาวต่างชาติ เช่น วิกเตอร์ ฮูโก นักเขียนชาวฝรั่งเศสชื่อก้อง ก็ได้ประณามการทำลาย “พิพิธภัณฑ์อันงามวิจิตรเลิศเลอแห่งตะวันออก”
       
       “ในสายตาของประวัติศาสตร์ หนึ่งในสองอาชญากรนี้จะถูกเรียกว่าฝรั่งเศส และอีกหนึ่งจะถูกเรียกว่าอังกฤษ” ฮูโกเขียน
       
       “ข้าพเจ้าหวังว่า จะมีสักวันหนึ่ง เมื่อฝรั่งเศส ซึ่งถูกปลดปล่อยและชำระล้างจนสะอาด จะส่งคืนของที่ปล้นชิงนี้ให้แก่จีน ผู้ถูกปล้น” เขาระบุ
       
       ขณะนี้ บรรดานักกฎหมายของจีนกำลังเรียกร้องให้ประชาชนในประเทศลุกขึ้นมาสนับสนุนการดำเนินการต่อสู้ทางกฎหมายในฝรั่งเศส เพื่อหยุดยั้งการประมูลขายรูปปั้นหัวนักษัตรให้จงได้
       
       “การปล้นชิงพระราชวังฤดูร้อนเป็นบาดแผล ที่ไม่เคยได้รับการเยียวยา การขายวัตถุ ที่ขโมยไปจากเรา ก็เหมือนกับเอาน้ำเกลือมาราดรดบาดแผล” นายหลิว หยาง ทนายความในกรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นแกนนำในการต่อสู้กล่าว
       
       ด้านรัฐบาลจีนเองก็ได้ออกมาประกาศอย่างแข็งกร้าว “การประมูลขายวัตถุทางวัฒนธรรม ซึ่งถูกปล้นไปในสงคราม ไม่เพียงจะทำให้คนจีนโกรธแค้น และเป็นลอบทำลายสิทธิทางวัฒนธรรมของพวกเขา แต่ยังเป็นการละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องหลายฉบับอีกด้วย” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนแถลง
       
       ทั้งนี้ จักรพรรดิเฉียนหลงทรงรับสั่งให้ช่างฝีมือชาวอิตาลี เป็นผู้ออกแบบ และดูแลการหล่อปั้นขึ้น นาฬิกาน้ำ 12 นักษัตร เป็นประติมากรรมตกแต่งพระราชวังฤดูร้อนหรือหยวนหมิงหยวนอันงดงาม ประติมากรรมรูปหัวสัตว์แห่ง 12 นักษัตร ลำตัวเป็นคน ขนาดใหญ่ แต่ละหัวเป็นตัวแทนของช่วงเวลา 12 ช่วงของวัน ที่แบ่งตามประเพณีจีน ซึ่งแต่ละ 1 ช่วงเวลาของจีนนั้น กินเวลา 2 ชั่วโมง เมื่อถึงช่วงเวลาของนักษัตรตัวใด หัวนั้น ก็จะพ่นน้ำออกมา และเมื่อถึงเวลาเที่ยงตรง หัวนักษัตรทั้ง 12 ก็จะพ่นน้ำออกมาพร้อมๆกัน เป็นภาพที่งดงาม มีชีวิตชีวา
       
       ระหว่างสงครามฝิ่นครั้งที่สอง กองทัพอังกฤษและฝรั่งเศส ได้บุกเผาพระราชวังฤดูร้อน ระหว่างนั้น มีการปล้นสะดมสมบัติล้ำค่าในวัง รวมทั้งรูปปั้นหัวนักษัตร ขณะนี้ จีนสามารถตามรูปปั้นหัวนักษัตร 5 หัว กลับคืนมา และเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์กรุงปักกิ่ง
       
       สำหรับรูปปั้นหัวนักษัตรหนู และกระต่าย ที่สำนักประมูลคริสตี้ส์ได้นำออกประมูลที่กรุงปารีสอยู่ขณะนี้ เป็นของอีฟ แซงต์ โลรอง ดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศสชื่อดัง ผู้วายชนม์ไปแล้ว
       
       จีนคัดค้านการประมูลโบราณวัตถุสองชิ้นนี้อย่างสุดฤทธิ์ “ โดย เอเปซ” (APACE) สมาคม ตัวแทนพิทักษ์ผลประโยชน์ด้านวัฒนธรรมและมรดกของจีน ได้ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลในกรุงปารีส ซึ่งพิจารณาพิพากษาโดยองค์คณะ สั่งห้ามการประมูลขายรูปปั้นหัวนักษัตรหนู และกระต่ายดังกล่าว แต่ในวันจันทร์ศาลแดนน้ำหอมตัดสินไม่รับคำอุทธรณ์ของจีน
       
       ด้านรัฐบาลจีนได้ออกโรงเรียกร้องอย่างเป็นทางการ ขอให้ทางปารีสยกเลิกการประมูลสมบัติจีนทั้งสองชิ้นนี้
       
       อย่างไรก็ตาม เมื่อวันพุธ(25 ก.พ.) บริษัทการประมูลคริสตี้ส์กลับเมินข้อเรียกร้องของทางการจีน เดินหน้าจัดการประมูลหัวนักษัตรหนูและกระต่ายในกรุงปารีส โดยมูลค่าการประมูลแพงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในราคาชิ้นละ 15.7 ล้านยูโร (20.3 ล้านเหรียญสหรัฐ) ขณะที่ผู้ประมูลนิรนามยังไม่ปรากฏตัว
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9520000021396


* 552000002285202.jpg (38.81 KB, 400x311 - ดู 661 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ยังจำได้ดี  และคิดถึง..อยู่ทุกวัน...
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
 
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.04 วินาที กับ 19 คำสั่ง