ทำไมดาราต้องแต่งตัวโชว์นม ?

แฟนคอลัมน์อีเมล์ไปถามด้วยความสงสัย ในข่าวภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ของดาราสาวมาดกุลสตรีในบทละคร แต่ตอนออกงานตรงกันข้าม แต่งตัวโชว์นมกันถ้วนหน้า ทำไม และทำไม อยากให้ช่วยอธิบาย !

ในอดีตที่ยาวนาน เรามองเห็นเรือนร่างที่เปล่าเปลือยของเรา และของคนอื่น ด้วยความรู้สึกเฉยๆ จำความแตกต่างเพียงสัญลักษณ์แยกเพศ ชาย หญิง

ต่อมา เมื่อมีจำนวนชายหญิงมากขึ้น จำเป็นต้องการสร้างความแตกต่าง เพื่อการจดจำ เริ่มเด็ดใบไม้ มาปกปิดที่จุดแรก คือ อวัยวะเพศ แล้วเกิดแนวคิดที่สร้างความแตกต่าง ด้วยขนาดของใบไม้ และลักษณะของใบไม้

ต่อมาอีกนั่นแหละ ใบไม้เริ่มซ้ำ และเหมือนกัน เลยมามองที่หน้าตา ทรงผม และบางส่วนของร่างกาย เอาสีมาป้าย เอาใบไม้เลื้อย มาพันศีรษะ พันคอ พันแขน พันเท้า เปิดเป็นมุมมองที่แตกต่าง และเริ่มสนุกกับความแตกต่าง

ชุมชนเริ่มมากกลุ่ม พบกันเจอกัน ชักเริ่มสับสน เพราะป้ายสี พันกาย ด้วยลักษณะที่คล้ายกัน จึงเริ่มคิดค้นหา ความแตกต่าง หาสัญลักษณ์มาชี้ชัดเฉพาะกลุ่ม เฉพาะชุมชน เริ่มสนุกและมีพัฒนาการต่อเนื่อง

มนุษย์อยู่กับธรรมชาติ และมีสัตว์อื่นร่วมอาศัยด้วย ความอยู่รอดมิได้มีเพียงการหาอาหาร การสร้างที่อยู่อาศัย สภาวะของอากาศที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล จากร้อนไปสู่หนาว จากหนาวไปสู่ฝน ทำอย่างไรจะไม่ร้อน ทำอย่างไรจะไม่หนาว ทำอย่างไรจะไม่เปียก จึงเริ่มคิดค้นหาเครื่องห่อหุ้มร่างกาย ในลักษณะปกป้องจาก สภาวะที่เปลี่ยนไปของอากาศ และยังรวมถึงการปกป้อง ป้องกันภัย จากสัตว์ร้ายที่จะมาทำอันตรายอีกด้วย

เมื่อมนุษย์ต้องพัฒนาความแตกต่าง เพื่อชี้ชัดเฉพาะกลุ่ม มนุษย์ยังพัฒนาการอยู่ร่วมกัน ผู้ที่มีความแข็งแรง ทั้งร่างกายและความคิด กลายมาเป็นผู้นำ และผู้นำก็ต้องมีความเด่นชัด เลยเป็นที่มาของลักษณะการนำเสนอเครื่องแต่งกาย ที่ดูโดดเด่น แตกต่าง น่าเกรงขาม น่าเชื่อถือ ไม่เพียงแค่นั้น การอยู่ร่วมกันย่อมมีกิจกรรมหลากหลาย ไม่ว่าเกิด แก่ เจ็บ ตาย เฉลิมฉลอง หรือพิธีกรรม ที่กลายมาเป็นวัฒนธรรมประเพณี และเพื่อความแตกต่างอีกนั่นแหลละ การแต่งกายในสภาวะนั้นๆ จึงถูกปรับแต่งให้มีรูปลักษณ์เฉพาะ
มนุษย์มีมากขึ้น มีหลายกลุ่ม มนุษย์ถูกพัฒนาให้มีความไม่พอเพียง เดินทางไปมาหากัน เริ่มแย่งกันเป็นใหญ่ เพื่อยึดครอง ทำให้เกิดการต่อสู้ ฆ่าฟันกัน และเพื่อให้ไม่เกิดอันตรายในการต่อสู้ จึงต้องมีการพัฒนา คิดค้น เครื่องแต่งกาย ที่สามารถป้องกัน หรือลดอันตราย จากการต่อสู้ ที่กลายมาเป็นเครื่องแบบนักรบ

จวบจนปัจจุบัน การแต่งกายได้ถูกพัฒนาความแตกต่าง ทั้งด้าน “ประโยชน์ใช้สอย (Functional)” หรือ “ความงาม (Emotional)” หรือ “ความคุ้มค่า (Economical)” ที่อาจแยกเป็นหมวดหมู่คือ

1. ปกปิด ปกป้อง (Protection) จากสภาวะของอากาศแต่ละฤดูกาล อันตรายจากสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยขณะทำงาน และการต่อสู้กับศัตรู

2. รูปลักษณ์และความงาม (Adornment) เป็นสุนทรียภาพ จากการมองเห็นซึ่งกันและกัน

3. ชี้ชัดเฉพาะกลุ่ม (Identification) ยูนิฟอร์ม เครื่องแบบเฉพาะอาชีพ นักเรียน นักศึกษา

4. กติกาทางสังคม และวัฒนธรรมประเพณี (Modesty) ชุมชม ศาสนา พิธีกรรม กฏ ระเบียบ

5. สถานะภาพ (Status) ตำแหน่งหน้าที่ ประเภทของการงาน ภาพลักษณ์ทางสังคม

ท้ายที่สุด เมื่อโลกไร้พรมแดน รูปลักษณ์การแต่งกายของคนทั้งโลก ถูกชี้นำโดยกระแสแฟชั่น ที่โหมกระหน่ำ จนเหตุผลของ “ทำไมคนเราต้องแต่งกาย” ดังเหตุผลจากอดีต กลายมาเป็นต้องแต่งกายให้ทันกับแฟชั่น และยึดเอาค่านิยมเป็นปัจจัยหลัก จนขาดความชี้ชัดในความเป็นตัวตน หรือความเหมาะสม แต่งเหมือนกันไปหมด ทั้งโลก และทำให้แฟชั่นถูกมองว่าเป็นส่วนเกินของสังคมไปเสียแล้ว

เขียนเรื่อยๆ จนหมดพื้นที่ ก็ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่า ทุกวันนี้ทำไมดาราสาวสวยแสดงบทกุลสตรี หวงเนื้อหวงตัว จะเป็นจะตายเมื่อถูกชายแตะต้องหรือข่มขืน รักและคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นกุลสตรีไทยอย่างยิ่ง จากบทบาทอันน่ารักในละครหลายเรื่อง แต่..พอออกงาน กลับแต่งตัวตรงกันข้ามกับภาพความทรงจำของแฟนละคร หันมาเปิดอก ดันนม โชว์ร่องอกระหว่างสองเต้า และโชว์นมกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

สรุปว่าเพราะ “สื่อที่ชอบถ่ายรูปไปเผยแพร่” หรือเป็นเพราะ “ดาราเป็นผู้สร้างกิเลสให้สื่อต้องแย่งกันถ่าย แย่งกันเอาไปลง” แต่ที่แน่ๆ ไม่โชว์ไม่ได้เกิดแล้ว หรือไงแน่ครับ ร่วมกันออกความเห็นหน่อยเถิดครับ.?
จาก ผู้จัดการ โดย แดงส์ ตักสิลา 30 กันยายน 2551 18:00 น.

ภาพจาก
จากงาน Bangkok Film Festival 2008 (ขอบคุณภาพจากไทยรัฐ

	ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน? เมษายน 18, 2024, 04:53:49 PM
[ Home :: Help :: Search :: Calendar :: Login :: Register :: ศิลปวัฒนธรรม ปี 1-5 ]
ศิลปวัฒนธรรม [ ปี 1-5 ]