TRIP & TREK โลกกว้างของคนเดินทาง

วันที่ 23 ตุลาตม 2551 เป็นวันปิยะมหาราช และลมหนาวเริ่มพัดมาเอื่อยๆ ตรงกลับลูกๆปิดเทอมพอดี อีกอย่างชวงนี้โหมงานอย่างหนักมาทั้งเดือน เนื่องจากเครื่องจักรที่โรงานหยุดซ่อมประจำปี สิบกว่าวัน และเสร็จพอดี จึงอยากพักผ่อนต่างจังหวัดทางภาคเหนือ

จึงชวนกันภายในครอบครัว ว่าจะไปไหนดี สุดท้ายตกลงกันได้ว่าจะไปเที่ยวเชียงใหม่
พร้อมทั้งเริ่มกำหนดเสันทางการเดินทาง และสรุปได้ว่าจะไปดอยอินทนนท์  แม่แจ่ม พืชสวนโลก
และแวะเยี่ยมเยือนญาติที่ลำปาง

 ส่วนเรื่องเวลา จะออกเดินทางคืน 22 ตุลา ถึงดอยอินทนนท์เช้า
วันที่ 23 ตุลา แวะเที่ยวน้ำตกแม่ยะ วชิระการ โครงการหลวง ยอดดอยอินทนนท์ แล้วมากางเต้นท์ที่ทำการ หนึ่งคืน
วันที่ 24 จะเที่ยวแม่แจ่มให้ทั่ว จุดหมายที่มาแม่แจ่มเนื่องจากจะมาถ่ายรูปนาข้าว และวัดวาอาราม        แล้วนอนที่แม่แจ่ม หนึ่งคืน
วันที่ 25 จะออกจากแม่แจ่มมาทาง ออบหลวง แล้ววกกลับไปตัวเมืองเชียงใหม่ เที่ยวพืชสวนโลก และแวะบ้านญาติจึงเดินทางกลับคืนนี้เลย

เมื่อถึงเวลาเดินทาง เวลา 12.00 น.ออกเดินทางเข้าลพบุรีตัดไปยังสิงห์บุรี แล้วตัดเข้าถนนสายเอเชีย ผ่านชัยนาทไปถึงนครสวรรค์ แวะปั้มพักรถ เข้าห้องน้ำประมาณยี่สิบนาทีจึงเดินทางต่อ ช่วงออกนครสวรรค์ฝนเริ่มลงเม็ดจางๆตลอดทางจนถึงกำแพงเพชร ขับรถได้ไม่เร็วเท่าที่ควรครับ

เมื่อรถขับเร็วไม่ได้ ตาต้องเล็งถนนตลอด เพราะฝนตก ง่วงก็ง่วงจึงตัดสินใจจอดรถนอนดีกว่า เมื่อมาถึงตาก จึงจอดรถนอนในปั้ม เผลอหลับไปตื่นอีกทีมองนาฬิกา โห........ตีห้ากว่าแล้ว จึงลุกล้างหน้าแล้วเดินทางต่อทันที

จนขับมา ถึงลำปางเช้าแล้วมองถนนห็นทางชัดเจน และเห็นป้ายบอกทางว่าทางเข้าวัดพระธาตุลำปางหลวง ดูเวลายังเช้าอยู่จึงตัดสินใจแวะเข้าไปชม

ซึ่งวัดนี้เคยได้อ่านจากเวปหลายๆเวปว่า สามารถดูพระธาตุกลับหัวได้ จึงทำให้อยากรู้ว่ากลับหัวยังไง
จากการเลี้ยวรถเข้าไปเป็นทางลาดยางตลอด ระยะทางจากปากทางเข้าไปประมาณสิบกว่ากิโล ก็ถึงวัด
ซึ่งวัดนี้เป็นวัดใหญ่มาก มีที่จอดรถกว้างขวางมีนักเดินทางเข้าออกตลอดเวลา (อุตส่าห์มาแต่เช้าคิดว่าไม่มีคนแน่ แต่ไหนได้คนเยอะพอสมควร)เมื่อจอดรถได้ผมก็คว้ากล้องเดินเลาะหาพระธาตุกลับหัว

เดินวนหลายรอบก็ยังหาพระธาตุกลับหัวไม่พบ เห็นแต่มีห้องๆหนึ่งด้านหลังปราสาท มีคนเข้าออกตลอด แต่ทุกคนที่เข้าไปจะปิดประตูทุกครั้ง (แปลกใจนึกอยู่ในใจทำไมต้องปิดประตูด้วย เขาทำอะไรกัน รอจนไม่มีคนจึงลองเข้าไปบ้าง เห็นแต่เขาเอาผ้ากั้นไว้ ไม่เห็นมีอะไรเลย(นึกในใจนะ) แล้วเขาปิดประตูทำไม หันซ้ายหันขวาสำรวจรอบๆ จึงตัดสินใจลองปิดประตูตามเขาบ้าง พอปิดประตูมันก็มืดสนิท มีแต่แสงลอดเข้ามาทางรูเล็กๆเหนือประตูที่ปิด นึกในใจเขาปิดทำไมหว่า........เผอิญมองไปที่ผ้าม่าน เห็นเงาแหลมบนผ้าที่กั้นไว้ จึงมองอย่างพิจารณาสักครู่จึงถึงบาอ้อ.........เห็นเป็นเงาพระธาตุกลับหัว หุ........เป็นเช่นนี้เอง

เมื่อรู้แจ้งเห็นจริงแล้วว่าพระธาตุกลับหัวได้อย่างไร (น่าสงสารพวกผู้หญิงอยากเห็นมากแต่ไม่มีโอกาสได้เห็น เพราะเขาห้ามผู้หญิงเข้าไป แต่ไม่ทราบเพราะอะไรนะครับ คงกลัวหนุ่มทำมิดีมิร้ายตอนปิดประตูหรือเปล่าก็ไม่รู้นะครับ  หุ................)จึงเดินออกมาแล้ววนรอบๆหาถ่ายรูปพระธาตุ โบสถ์ และพระพุทธรูปที่อยู่บริเวณนั้น

มีพระมาเวียนพระธาตุอยู่หนึ่งรูป ท่านเดินเร็วมากถ่ายรูปแทบจะไม่ทัน

คู่นี้ไม่รู้ขออะไรจากเจดีย์นะครับเห็นนั่งขออยู่นานเลยครับ

อันนีัพระพูธรูปอยู่ทางด้านหลังเจดีย์

เดี๋ยววันศุกร์นี้จะไปเหมือนกันครับ ที่พระธาตุลำปางหลวง  ;D
เห็นเค้าบอกกันว่า (ตามข้อมูล) ภาพพระธาตุกลับหัวยังมีอีก 4 วัด ในลำปาง สำหรับในตัวเมือง
จะยังมี วัดพระธาตุจอมปิง (เห็นบอกว่าชัดกว่าที่พระธาตุลำปางหลวง) และที่วัดพระธาตุดอยน้อย
ซึ่งมีเงาภาพกลับหัว ซ้อนกันถึง 4 ภาพ ในคราวเดียว เดี๋ยวไปพิสูจน์แล้วกลับมา จะเอามาแบ่งกัน
ดูน่ะครับ แต่เห็นภาพ ชุดนี้แล้ว มันช่าง....กระตุ้นให้หัวใจตื่นเต้นกับการเดินทางขึ้นเยอะเลยครับ

ขอถามหน่อยครับ...... ว่า "หน้าพระธาตุลำปางหลวง มีรถสองแถวประจำทางวิ่งผ่านไหมครับ? ไม่เอารถเหมาน่ะครับ"
แล้ว 10 กิโล ที่ว่านี้อ่ะครับ จากไหนหรอครับ จากถนนหลัก หรืออย่างไง... พอดีผมจะเดินทางไปคนเดียว ด้วยอ่ะครับ

เข้าพระธาตุดอยหลวงลำปางเข้าได้สองทาง   
1.เข้าตรงทางแยกก่อนถึงตัวเมืองลำปาง เขียนว่าไปเกาะคา
2.เข้าเลยลำปางเส้นไปลำพูน  จะมีป้ายบอกทั้งสองทาง
ทั้งสองทางระยะทางพอๆกันครับ

ภาพนี้ถ่ายก่อนออกจากห้องชมพระธาตุกลับหัว เพื่อให้รู้ว่าพระธาตุกลับหัวมายังไง

ดูยายคนนี้นะครับ เห็นแกนั่งเศร้ามองพระประธานแบบนี้อยู่นาน

ภาพนี้ถ่ายจากประตูทางเข้า แต่มองออกมาทางนอก เห็นรถม้ากลางประตูไมครับ ต้องนั่งรอจนกว่ารถม้าจะวิ่งผ่าน

มาลำปางต้อมีรถม้า คู่กับพระธาตุ

หลังจากถ่ายภาพที่นี่อยู่นาน และฝนก็ไม่ตกแล้วแถมฟ้าเปิดอีกต่างหากเลยอยู่หลายชั่วโมง จึงออกเดินทางต่อมุ่งหน้าสู่ลำพูน
วิ่งผ่านพระธาตุหริภุญชัย แต่ไม่แวะครับเพราะแวะหลายครั่งแล้ว ตัดทะลุหลังตัวเมืองออกไปทางสันป่าตอง แล้วไปจอมทอง
มุ่งหน้าสู่ดอยอินทนนท์ตามจุดมุุ่งหมาย มาแวะที่น้ำตก วชิรธาร แต่ถ่ายรูปไม่ได้เลยเพราะน้ำแรงมาก ตกลงมาแล้วละอองน้ำกระจายไปทั่ว เนื่องจากเมื่อคืนฝนตกหนัก ทำให้น้ำเยอะ จึงออกเดินทางต่อไปยังโครงการหลวงดอยอินทนนท์
   พอมาถึงฝนตกอย่างแรงจึงเข้าไปนั่งเล่นในร้านกาแฟ ที่โครงการนั่นแหละครับ สั่งกาแฟมากิน นั่งเล่นมองต้นไม้ที่เขาปลูกไว้แถวๆนั้น เผอิญอีกครับ หันไปเจอรองท้าวสตรี เอ้ย...รองเท้านารีดอยตุง กับอินทนนท์ตั้งคู่กัน กำลังบานเลยครับ คว้ากล้องหยิบเลนส์มาโคร์ทันทีทันใด

หลังจากที่ถ่ายรองเท้านารีแล้ว ฝนก็ยังไม่หยุด เลยมาโครดอกไม้อื่นต่อแบบว่าไม่รู้จะทำอะไร

ดอกไม้ที่นี่มีแต่สวยๆทั้งนั้นเลยครับ ถ้าใครชอบดอกไม้คงอยู่ได้เป็นวันเลยครับ

หลังจากที่รออยู่นาน ฝนก็หยุดตก จึงออกเดินทางต่อ จุดต่อไปคือยอดดอยอินทนนท์ (ใจจริงยากเข้าไปเดินกิ่วแม่ปาน แต่เขายังไม่เปิด จะเปิด 1 พ.ย.) จึงขับรถขึ้นเขาไปเรื่อยๆจนถึงยอดดอยจนได้

พอเดินถ่ายรูปได้ไม่นาน มาอีกแล้วครับท่าน ฝนเทลงมาอีกแล้ว จึงขึ้นรถลงมาเที่ยวที่พระธาตุนพพลภูมิศิริ เอารถมาจอดที่ลาน   นั่งรอสักพักใหญ่ๆ ฝนก็หยุด จึงลงมาถ่ายรูป (ฟ้าเปิดนิดหน่อยพอดูได้)

หลังจากถ่ายรูปอยู่นานที่พระธาตุนี้ ดูนาฬิกาบ่ายสี่โมงกว่าแล้วหรือ จึงขับรถย้อนมาที่ทำการ จัดการติดต่อกางเต้นท์นอน เมื่อติดต่อเรียบร้อย ก็จัดการหาทำเลเหมาะๆ กางเต้นท์ และก็ทำอาหารทานกันอย่างอร่อย (คงหิวนะครับกินอะไรก็อร่อยหุ......)
เสร็จแล้วก็อาบน้ำนอนแต่หัวค่ำเลยครับ

เช้าวันที่ 24 ต.ค. ตื่นแต่เช้าลุกขึ้นได้ ก็ตรงไปล้างหน้าแปรงฟัน (นึกในใจ...โชคดีจังเลยที่เมื่อคืนนี้ฝนไม่ตกเลย) อากาศดีมากๆ เลย รู้สึกว่าตัวเองมีพลังมีแรงสดชื่นเป็นพิเศษ ผิดกับที่อยู่โรงงานเลยครับ
     หลังจากที่ทำธุรส่วนตัวเรียบร้อยเดินกลับเต้นท์ มองเห็นเฟริ์นกำลังแตกใบอ่อนสีสวยเชียวจึงกลับไปคว้ากล้องกับขาตั้งและแฟรชด้วย มาเก็บภาพใบเฟริ์นครับ

แถมด้วยต้นอะไรก็ไม่รู้นะครับเห็นใบสวยดีก็เลยถ่ายมาด้วย

เสร็จจากมาโคร์ก็กลับมาทำอาหารเช้าทาน จนอิ่มหนำสำราญจึงเก็บสัมภาระ แล้วออกเดินทางต่อ จุดหมายของวันนี้คือเมืองแจ่ม หรือ อ.แม่แจ่ม ดินแดนแห่งวัฒนธรรมล้านนา หลังจากที่ออกจากที่กางเต้นท์มาถึงหน้าที่ทำการ เจอเด็กขายดอกไม้ด้านหลังสะพายตะกล้าดอกไม้ด้วย ดูน่ารักมาก  จึงจอดรถทันทีแล้วถามเด็กว่า ถ้าไม่ซื้อดอกไม้ขอถ่ายรูปคิดเท่าไร เด็กตอบกลับมาว่า"สิกบาก" (เขียนไม่ผิดนะครับเด็กพูดอย่างนั้นจริงๆ) จึงบอกว่าตกลงก็เลยได้รูปเด็กน่ารักมาก ถ่ายประมาณสิบรูปแล้วก็จ่ายค่าตัว สิกบาก ตามที่ตกลง

เมื่อถ่ายรูปเด็กเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางต่อ โดยขับรถไปทางยอดดอยอินทนนท์ ถึงด่านที่สองจะมีทางแยก มีป้ายเขียนไว้ว่าไปแม่แจ่ม และน้ำพุร้อนเทพพนม ก็ขับรถแยกไปตามทาง ทางเส้นนี้เป็นทางลงเขาตลอดครับชันมาก ต้องใช้เกียร์ต่ำตลอดหลายกิโลเมตร ผ่านมาจนถึงหมู่บ้านแม่ปาน มีทางแยกครับตือตรงไปแม่แจ่ม และอีกทางเข้าหมู่บ้านแม่ปานและทะลุไปแม่แจ่มได้ครับ จะไปบรรจบกับทางแรกที่วงเวียนหน้าทางเข้าอำเภอแม่แจ่มเลยครับ (เส้นทางแรกเป็นทางธรรมดาไม่ค่อยจะมีอะไรให้ดู แต่เส้นที่เข้าหมู่บ้านแม่ปานนะครับจะมีไร่ข้าวโพดและนาข้าว ขั้นบันไดให้ถ่ายภาพ วิวก็สวยมากเป็นท้องนาเกือบตลอดทาง ระยะทางของทางที่แรกกับทางที่สองพอๆกันครับ)ผมเลือกมาทางหมู่บ้านแม่ปานครับและแวะตลอดทางเลยครับ

นาข้าวที่แม่ปานแปลงนี้ผมจอดรถแล้วเดินลงเขาไป ประมาณหนึ่งกืโลเมตร จึงถ่ายได้ใกล้ขนาดนี้นะครับ ตอนลงเดินลงเขาสบายๆ ขากลับเดินขึ้นเขา ลมแทบจับเลยครับ หุ...........

ขับรถเข้าหมู่บ้านก็เจอทุ่งนาอีกครับ เลยหมู่บ้านก็เจออีกครับสวยๆทั้งนั้นเลยครับ

(อย่าเพิ่งเบื่อนาข้าวนะเดี๋ยวท้ายๆมีอีกครับ) หลังจากถ่ายนาข้าวบ้านแม่ปานอยู่เกือบครึ่งวัน จึงเดินทางเข้าตัวอำเภอแม่แจ่มหาที่พักจนไดั รีสอร์ชหลังขนาดใหญ่แต่พักเพียง 4 คนเท่านั้น ราคา 700 บาท พักหนึ่งคืนติดทุ่งนาข้าวเขียวขจี ผมชอบมากอากาศเย็นสบายไม่หนาว ไม่ต้องเปิดแอร์ครับ

หลังจากที่ได้ที่หลับที่นอนเรียบร้อยแล้ว มองนาฬิกาก็เป็นเวลาบ่ายโมงกว่า ช่วงนี้ฝนก็ไม่ตกเลยพากันไปหาทานข้าวเที่ยงในตลาด ทานตรงร้านหน้าปั้ม ปตท. แม่แจ่ม(รู้สึกว่าทั้งอำเภอมีปั้มน้ำมันปั้มเดียวแหละครับ) เมื่อทานเสร็จประมาณบ่ายสองโมง มองดูแดดยังร้อนอยู่เลยจะถ่ายรูปคงไม่สวยเพราะแดดแรงมาก จึงชวนกันไปหาซื้อผ้าทอมือและของฝากกันดีกว่า จึงขับรถไปที่ร้านดาราผ้าไหม และร้านเออ.......(จำชื่อไม่ได้แล้ว) ไปทางข้างอำเภอแล้วข้ามสะพานไปอีกฝาก เมื่อพ้นสะพานแล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางเรื่อยๆ จะผ่านทุ่งนา เลาะเรียบแม่น้ำไปเรื่อยๆจะเจอหมู่บ้าน ก่อนเข้าหมู่บ้านจะเจอศูนย์จำหน่ายผ้าไหม เลยไปอีกหน่อยก็ถึงครับ
    เมื่อถึงแล้วก็ต่างคนต่าง หาของที่ตัวเองชอบ (ไม่รู้จะซื้อไปฝากใครเพราะมาด้วยกันหมดแล้ว หุ............)ผมได้กางเกงพื้นเมืองมาหนึ่งตัว ใส่สบายมากๆๆ ถูกใจจริงๆ
    หลังจากทุกคนได้ของกันคนละชิ้นสองชิ้น จนหมดไปหลายกะตังค์แล้วจึงพากันเดินทางต่อ จุดหมายต่อไปคือวัดพุทธเอ้น ซึ่งมีบ่อน้ำที่ไหลตลอดทั้งปี และมีโบสถ์ที่สวยงาม

ไปแม่แจ่มมาเหมือนกันค่ะ ช่วงเดียวกันเลย แต่ไม่ได้พัก รอดูรูปต่อนะค่ะ

อาจจะฃับรถสวนทางกันในแม่แจ่มก็ได้ หุ..........ผมขับรถไปทุกซอยเลยครับ สำรวจจนทะลุปุโป่งเลยครับ นาข้าวสวยมากๆ

วัดพุทธเอ้นและวัดกองกานไปทางเดียวกันครับ ไปได้สองทาง ทางแรกคือถ้าออกจากเมืองแจ่ม ออกทางข้างอำเภอผ่านตลาดสดข้ามสะพานข้ามแม่น้ำ แล้วเลี้ยวขวา(ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปร้านขายผ้าไหมที่เล่ามาแล้ว)แล้วตรงตลอด เจอทางแยกไม่ต้องแยกนะครับวิ่งตรงต่อไป จะผ่านหมู่บ้าน (ผมจำชื่่อไม่ได้แล้วว่าหมู่บ้านอะไร)เมื่อพ้นหมู่บ้านแรกก็จะเข้าหมู่บ้านพุทธเอ้น
       ทางที่สองคือวิ่งรถมาแล้วเลี้ยวขวาผ่านหน้า อำเภอและตรงไป ตามทางตลอด ทางนี้เป็นทางดีสองข้างทางเป็นตลาดตลอดแนว ทางนี้เป็นทางที่ไปออกแม่ฮ่องสอนได้ ขับไปเรื่อยๆจนพ้นตลาดและหมู่บ้าน จะมีทางลี้ยวซ้ายเข้าถนนตัดผ่านทุ่งนา แล้วข้ามสะพานเข้าหมู่บ้านพุทธเอ้น มาบรรจบกับทางแรกในหมู่บ้านนี้ครับ
     วัดพุทธเอ้นมีจุดเด่นคือเป็นวัดเก่าแก่ มีบ่อน้ำผุดขึ้นมาจากดินตลอดทั้ปี สะอาดสามารถดื่มได้ครับ และภายในโบสถ์มีภาพวาดเก่าแก่มาก (เก่าจนมองแทบไม่เห็นว่าเป็นภาพวาด) ผมถ่ายรูปไม่กี่รูปแล้วก็บรรจุน้ำมาหนึ่งถังใหญ่ใส่ท้ายรถเพื่อเอาไว้เป็นน้ำดื่มในการเดินทางโดยไม่ต้องซื้อ (ดื่มแล้วเย็นชื่นใจ เห็นมีรถวิ่งมาเติมน้ำตลอดไม่ขาดสาย) แล้วก็มุ่งหน้าสู่วัดกองกานเพื่อที่จะถ่ายรูปนาข้าวและวัด เพราะนาข้าวที่นี่เขาว่าสวยงามมาก
     ขับรถมาเลื่อยๆจะมีขึ้นเขาเล็กๆแล้วจะลงเขาก็จะพบกับทุ่งนาก่อนเข้าหมู่บ้านกองกานครับ เขียวขจีตัดกับเหลืองอร่ามของนาข้าวสวยงามจริงๆครับ

 :o :o :o
แม่แจ่ม แจ่มจริงๆๆ

เห็นแล้วคิดถึงอินทนนท์จัง อยากไปอีกสักรอบ ใครสนใจยกมือขึ้น  ;D ;D

ผมถ่ายจากมุมสูงแต่ไกลมากใช้เลนส์ 200 ซูมสุดๆครับ

เสร็จแล้วก็เข้าไปไหว้พระในวัดกองกานเพื่อเป็นศิริมงคล หุ....

หันมาดูนาฬิกาเป็นเวลาบ่ายสี่โมงแล้ว ฝนก็เริ่มมาอีกแล้วจึงขับรถย้อนกลับมาในเมือง และทดลองขับเลยไปดูเส้นทางที่ไปแม่ฮ่องสอน (เส้นทางนี้น่าจะไปออกดอยที่มีดอบัวตองเยอะๆนะครับถ้าเดาไม่ผิด)สองฝั่งทางมีนาข้าวและป่าข้าวโพด สวยดีครับแต่ไม่ได้ถ่ายนะครับเพราะฝนยังตกอยู่แต่ไม่แรงมาก ขับออกไปประมาณสามสี่กิโลจึงเลี้ยวกลับและกลับมายังที่พัก
     เมื่อถึงที่พักแม่บ้านก็ทำอาหารทานตอนเย็น ผมนั่งเล่นไม่รู้จะทำอะไรก็คว้ากล้องมาซูมดอกไม้ริมรั้วเล่นเพลินๆครับ

ไม่นานอาหารเย็นของเราก็เสร็จเรียบร้อย และก็ลงมือทานอย่างอร่อย จึงแยกย้ายกันไปอาบน้ำพักผ่อน

คืนนี้ได้นอนที่นอนนุ่มๆอากาศกำลังดีสบายๆ กะว่าจะนอนให้มีความสุขสักหนึ่งคืน แต่ปรากฏว่าเอนหลังได้หน่อยเดียวเสียงคาราโอเกะ ของร้านอาหารฝั่งตรงข้ามดังมารบกวนตลอด แต่ก็ไม่ว่าอะไรนึกในใจมีเพลงกล่อมนอนด้วย ฟังไปฟังมาก็ดีมีเพราะบ้างม่เพราะบ้าง หุๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  (นึกดูเอาเองนะครับคนเมาร้องเพลง หุ.........)
        แต่ก็เพลอหลับจนได้เพราะความเพลียจากการขับรถมาทั้งวัน  ตื่นอีกทีก็หกโมงเช้า ล้างหน้ามองูผู้โดยสาร ยังไม่มีใครตื่นสักคนจึงคว้ากล้อง ขึ้นรถขับออกเข้าเมืองมุ่งหน้าไปวัดกองกานแต่ช้าวเพื่อจะไปหาถ่ายรูปพระบิณทบาตรสักหน่อย
ขับรถออกมานึกในใจจะทันพระรึเปล่าหนอ ตื่นสายไปหน่อย พอขับผ่านตลาด ทำไมมันเงียบจังเลยนะ ร้านก็ยังไม่มีเปิดสักร้าน พระก็ไม่เห็นสักองค์ เลยขับไปเรื่อยๆจนถึงตรงนาข้าวที่ถ่ายรูปเมื่อวานก่อนเข้าวัดกองกาน ลงเก็บภาพเรื่อยเปื่อย
 จนเกือบสองโมงเช้าจึงมีคนออกมาเดิน และเริ่มไปตลาดกัน และพระเริ่มออกบิณทบาตร นึกในใจ คนแม่แจ่มเขาตื่นกันเวลานี่หรือ เป็นเพราะว่าเขาไม่ต้องรีบร้อนไปไหนจึงไม่ต้องตื่นเช้า (ไม่เหมือนพวกเราแหกตาตื่นไปทำงานกันตั้งแต่เช้ามืด ทันบ้างไม่ทันบ้าง)

จากนั้นก็ขับรถแวะซอยนู้นซอยนี้ ขับไปเรื่อยจนไปทะลุวัดทัพ ซึ่งหอคำสวยงามมาก แต่ขับไปถึงฝนตกมาอีกแรงมาก จึงถ่ายรูปไม่ได้เลยกลับเข้าเมือง ช่วงนี้สายแล้วร้านค้าเปิดเกือบทุกร้านแล้วจึงแวะซื้ออาหารเช้า เอาไปฝากผู้ร่วมทาง หุ....
      และเมื่อได้อาหารแล้วจึงกลับที่พัก(ฝนยังตกอยู่นะครับยังไม่หยุด)
และเมื่อถึงที่พัก ก็พอดีที่ผู้ร่วมทางตื่นนอนแต่งตัวรอเดินทางกันต่อเรียบร้อยแล้ว จึงลงมือทานอาหารเช้ากันจนอิ่ม

หลังจากทานอาหารเช้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จัดการ check out แล้วก็เดินทางไปจุดหมายต่อไปคือ พืชสวนโลก โดยกำหนดเส้นทางไว้ดังนี้คือ ออกจากแม่แจ่ม แวะน้ำพุเทพพนม และออบหลวงแล้วแวะน้ำตกขุนแม่ยะ ซึ่งตอนขามาไม่ได้แวะ แล้วจึงวิ่งไปยังพืชสวนโลก แล้วก็จะกลับไปแวะลำปางบ้านญาติแล้วก็กลับบ้านเลย
     หลังจากกำหนดเส้นทาง แล้วก็ออกมุ่งหน้าไปยังน้ำพุเทพพนม ขณะออกจากแม่แจ่มฝนก็ยังไม่หยุดครับ แต่ก็ไม่แรง วิ่งมาสายแม่แจ่มฮอด สองข้างทางเป็นป่าเขาและไร่ผัก ไร่ข้าวโพด วิวสวยงามมากแต่ไม่มีปัญญาถ่ายรูปเพราะฝนตกตลอด หยุดเป็นบางช่วง แล้วบางช่วงก็ตกแรงบ้างเบาบ้าง จนวิ่งผ่านต้นไม้อะไรไม่รู้ดูแปลกๆเลยจอดถ่ายรูปมาให้ดู พอดีฝนตกหยุมหยิม พอถ่ายรูปได้

แล้วก็มุ่งหน้าสู่น้ำพุร้อนเทพพนม แต่เมื่อรถวิ่งมาถึงน้ำพุร้อนผมก็หาจนทั่วก็ไม่เห็นครับ
มีแต่น้ำผุดจากดิน ไม่มีน้ำพุสักหน่อย เลยออกเดินทาต่อ จนถึงออบหลวง แวะถ่ายรูปสักหน่อยเพราะฝนหยุดแล้ว(ถ่ายป้ายด้านหน้าอุทธยานนะครับ ไม่ได้เข้าไปเพราะครั้งที่ไปแม่ฮ่องสอนครั้งก่อนได้แวะแล้ว)

เสร็จจากถ่ายรูปก็ขับรถออกมาทางฮอด เลยมาจอมทองแล้วเข้าทางดอยอินทนนท์มาหน่อยแล้วเลี้ยวซ้ายผ่านตลาด ทะลุออกหมู่บ้าน ขับรถตามทางไปเลื่อยก็ถึงด่านเก็บเงิน แต่ไม่ได้จ่ายเพราะมีบัตรผ่านตอนขึ้นดอยอินทนนท์เอามาใช้ได้ครับ(ประหยัดไปอีกหลายบาท หุ....)แล้วก็ขับรถต่อไปอีก สองข้างทางมีรอยน้ำป่าไหลผ่านถนนเป็นระยะๆ นึกในใจน้ำคงแรงมากแน่เลย  จนขับรถไปถึงที่จอดรถ แล้วก็หาอาหารตรงลานจอดรถนั่นแหละครับ ทานเป็นมื้อเที่ยง แล้วจึงเดินเข้าไปชมน้ำตก
   ก่อนเข้าน้ำตกร้อยเมตรน้ำนองไปหมด ต้องค่อยๆข้ามไปจนถึงใกล้ๆน้ำตก แต่แปลกใจเพราะเคยมามันจะมีลานไม้ที่เขาทำไว้ให้นักท่องเที่ยวชมน้ำตก แต่เดี๋ยวนี้มันหายไปแล้ว
   น้ำตกที่นึกไว้ว่าละอองน้ำสีขาวทะยานจากหน้าผากระทบหินด้านล่างแตกกระเซ็นเป็นละออง ถ่ายรูปออกมาเป็นสายๆๆๆๆๆๆ  อลังการ  แต่พอมาถึงเห็นน้ำแดงเป็นโคลน ทะยานลงหน้าผากระจายไปทั่วแถมฝนเริ่มตกอีกแล้ว ถ่ายไม่ได้เลยน้ำกระเด็นใส่กล้องตลอดเวลา เลยนั่งเซ็งตัวเอง

เมื่อถ่ายภาพไม่ได้ฝนก็เริ่มตกแล้วจึงต้องกลับมาที่รถ แล้วมุ่งหน้าไปยังพืชสวนโลกทันที ออกมาจอมทองแล้วเลี้ยวไปสันป่าตองขับรถตามถนน 108 ไปเลื่อยๆ จนก่อนเข้าเมืองจะมีทางตัดไปพืชสวนโลก (จำชื่อทางแยกไม่ได้แล้ว)
จนมาถึงพืชสวนโลกก็ประมาณบ่ายสามโมง ก็ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย (ตอนขับรถมาฝนมาหยุดแถวๆสันป่าตอง)

ส่วนรูปเหรียญของนายหลวงนะครับ วันที่ผมไปกลายเป็นเหรียญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่หล่อแค่พระศอ ทีแรกผมว่าจะโพสแต่ ไตร่ตรองดูแล้ว เห็นว่าไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง (ซึ่งผมทราบข่าวมาว่าวันที่ผมไปตรงกับวันที่ นายตำรวจนอกราชการท่านหนึ่ง นำขึ้นแท่นพอดี น่าจะยกขึ้นตอนเช้าแล้วผมไปตอนบ่าย เพราะเครื่องสักการะยังใหม่ๆอยู่เลยครับ)แต่ไม่ทราบว่าตอนนี้เปลี่ยนคืนตามเดิมรึยังนะครับ

หลังจากที่ผมถ่ายภาพที่พืชสวนโลกนี้ได้ เกือบสองชั่วโมง ญาติก็โทรมาตาม จึงต้องอำลาเชียงใหม่สักที หันหลังกลับแล้วก็มุ่งหน้าสู่ลำปาง แวะทานข้าวบ้านญาติที่ลำปาง อาบน้ำจนสบายใจสบายกาย สองทุ่มจึงเดินทางกลับ ขับรถออกจากลำปางฝนก็เริ่มตก จนถึงตากทีนี้ฝนกระหน่ำใหญ่เลยครับตลอดทางจนมองทางแทบไม่เห็นอาศัยขับรถตามรถทัวร์มาเรื่อย จนถึงนครสวรรค์ก็ยังไม่หยุด  เลยจอดรถนอนประมาณสองชั่วโมงจึงขับต่อ (ฝนก็ยังตกแต่ไม่แรงเหมือนช่วงกำแพงเพชร )ค่อยๆมาเรื่อยๆจนถึงบ้านเกือบตีสี่ ถึงบ้านนอนหลับอย่างหมดเรี่ยวแรงตื่นอีกทีสิบโมงเช้า เปิดทีวี มีข่าวเรื่องแรกน้ำป่าทะลัก อช.แม่วงศ์ นักท่องเที่ยวติดอยู่บ้านพักหลายคน (ก็ตกหนักขนาดนั้น)
   ข่าวที่สอง มีบุคคล นำเหรียญ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่หล่อแค่พระสอขึ้นแท่นที่พึชสวนโลกซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม   จบข่าว

เคยเห็นแต่ภาพน้ำตกแม่ยะเป็นละอองสีขาวสะอาด  เพิ่งจะเห็นชานมก็ตอนนี้เอง หุ ๆ

โห สีน้ำตกแม่ยะแดงขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย  :o :o :o

เล่าเรื่องซะเห็นภาพเหมือนไปด้วยเลยครับพี่แบม  :)

เขาไม่เรียกน้ำตกหรอกสีขนาดนั้น เขาเรียกน้ำหลากกกก....