TRIP & TREK โลกกว้างของคนเดินทาง

กระดานข่าวสีเขียว => กวีแรมทาง => ข้อความที่เริ่มโดย: นายซาไกทัดดอกฝิ่น ที่ พฤษภาคม 30, 2008, 08:26:59 AM



หัวข้อ: กวี แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: นายซาไกทัดดอกฝิ่น ที่ พฤษภาคม 30, 2008, 08:26:59 AM
อังคาร กัลยาณพงศ์” ขึ้นเวทีร่ายบทกวี เพื่อปลุกจิตสำนึก ประจานพวกโกงชาติ ในงานเสวนา “ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ”
..............................................
คนคดโกงชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
       
       ฉ้อราษฎร์ บังหลวง โกงการเลือกตั้ง
       กระทั่ง คอร์รัปชั่น นโยบายร้าย
       รวบอำนาจ เพื่อตนเอง มากมาย
       เพื่อมิตรสหาย งกโลภ ธนาธิปไตย
       
       อสรพิษ ทุรทาส สถุล ทุนสามานย์
       ล้างผลาญ ตุลาการ ยุติธรรม นำสมัย
       ความถูกต้อง มโนธรรม เลิศเกรียงไกร
       ใยสังคม ต้องจมปลัก อัปรีย์
       
       แก้กฎหมาย เพื่ออยู่เหนือกฎหมาย
       กลบเกลื่อนร้าย ผิดวิปริต ว่าวิเศษศรี
       แก้รัฐธรรมนูญ เป็นทาส กาลี
       เพื่อขยี้ ตุลาการ ล้างผลาญยุติธรรม
       
       แล้งมโนธรรมสำนึกประเสริฐสุด
       อมนุษย์ อวิชา เลือกต่ำลึกล้ำ
       ปวงราช ชาติสยาม ดวงตาดำๆ
       กระทำระยำ อำมหิต ได้ลงคอ
       
       ขายชาติ ศานา พระมหากษัตริย์
       โกงรัฐธรรมนูญ สูงสุด ได้หนอ
       บ้านเมือง ไร้ขื่อแป มากหัวตอ
       มุสาจ้อ ลวงโลก โศรกเศร้าสลดนัก
       
       อุกฤษ วิกฤติ วิปริตกลางชาติ
       อเน็จอนาถอัปยศบรรพบุรุษสูงศักดิ์
       โอมวิญญาณพระเจ้าตากสินสุดรัก
       พิทักษ์อรรคอุปสรรคสู้กู้ชาติไทย
       
       ตื่นเถิด ชาติสยาม ยามอุกฤษวิกฤติ
       วิปริต ประโยชน์ชาติ อันยิ่งใหญ่
       กู้สติ ปัญญา มิ่งมงคลชัย
       กู้มิ่งขวัญสมัย อารยไทย ไชโย
       
       อังคาร กัลยาณพงศ์


หัวข้อ: Re: กวี แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: นายซาไกทัดดอกฝิ่น ที่ พฤษภาคม 30, 2008, 08:33:40 AM
พระเจ้าตากสินใจเพชรกู้ชาติไทย
       
       โอม...อิสระ เสรี
       
       ประชาราช เพื่อสยาม
       เพื่อชาติและพระศาสนา
       พระมหากษัตริย์ รัฐธรรมนูญ
       คู่ฟ้าสู่ประชาธิปไตยอันไพบูลย์
       
       พระเจ้าตากสิน สถิตย์วิญาณ
       กล้าหาญ กู้เอกราช ไม่ดับสูญ
       สิทธิประชาราช ร่วมชาติ เทิดทูน
       สิทธิราชพูนชีวิตแหละรวมใจ
       
       ไทยไม่ใช่ทาส สถุล ทุนสามานย์
       กล้าหาญ มีจิตสติปัญญา นำสมัย
       เกิดมาเพื่อ เอกราช สิทธิชาติไทย
       ประชาธิปไตย อยู่คู่แผ่นดิน
       
       เพื่อสันติสุข ทุกอนาประชาราช
       สู่อารย เอกราช ทุกศาสตร์ศิลป์
       ศิลปวัฒนธรรมล้ำเลิศเอกอินทร์
       มุ่งถวิล อหิงสธรรม ชี้นำวิญาญญาณ
       
       คิดทุกสิ่ง แง่ประเสริฐ เลิศล้ำ
       เพื่อนำโลก สู่ยุค สุขเกษมศานต์
       สันติประชาธรรม นำใจ กาลนาน
       อุโฆษวาร เกียรติยศ ปรากฏจะก้องไป
       
       ตื่นเถิด ทุกชีวิต วิญญาณ
       สยาม งามเอกราช สติปัญญา
       คิดยิ่งใหญ่ เจ้าตากสินใจเพชร กู้ชาติไทย
       ปวงราช คู่ขวัญสมัย เกรียงไกร ไชโย
       
       อังคาร กัลยาณพงศ์


หัวข้อ: Re: กวี แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: นายซาไกทัดดอกฝิ่น ที่ พฤษภาคม 30, 2008, 08:34:40 AM
การเมือง
       (เขียนเมื่อปี 2548)
       
       การเมืองไม่ใช่เรื่อง ธุรกิจ
       การเมืองไม่ใช่คิดแต่จะได้
       การเมืองไม่ใช่การค้ากำไร
       การเมืองไม่ใช่ใช้แต่เกมกล
       
       การเมืองไม่ใช่บ้าแต่อำนาจ
       การเมืองไม่ใช่ศาสตร์แห่งเหตุผล
       การเมืองไม่ใช่การกดขี่คน
       การเมืองไม่ใช่ตนใหญ่คนเดียว
       
       การเมืองไม่ใช่เรื่องของการเล่น
       การเมืองไม่ใช่เข่นกันด้วยเขี้ยว
       การเมืองไม่ใช่ตามกันกรูเกรียว
       การเมืองไม่ใช่เลี้ยวไปลงคู
       
       การเมืองต้องเป็นเรื่องการเสียสละ
       การเมืองคือภาระของทุกผู้
       การเมืองเรื่องส่วนรวมร่วมรับรู้
       การเมืองต้องต่อสู้เพื่อส่วนรวม
       
       การเมืองต้องมีธรรมเป็นเข็มทิศ
       การเมืองต้องมีจิตสำนึกร่วม
       การเมืองต้องโปร่งใสไม่กำกวม
       การเมืองต้องท่นท้วมศรัทธาอุทิศ
       
       การเมืองต้องเคารพความเห็นต่าง
       การเมืองต้องสรรสร้างเสรีสิทธิ
       การเมืองคืออำนาจขจัดพิษ
       การเมืองคือชีวิตประชาชน
เนวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ


หัวข้อ: Re: กวี แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: นายซาไกทัดดอกฝิ่น ที่ พฤษภาคม 30, 2008, 08:35:32 AM
วัวหลังหวะ
       (เขียนเมื่อ 27 มีนาคม 2551)
       
       ลำพอง คะนองเขา ว่าเขายาว ว่าเขาใหญ่
       โลดมุ ทะลุไป ด้วยกำลัง แห่งวัวเถลิง
       
       เข้าฝูง ก็พาฝูง กระโจนพุ่ง ตะเลิงตะเลิง
       เตลิดเลิศ เตลิดกระเจิง กระจุยด่าน ทุกด่านทลาย
       
       คลุ้มคลั่ง สันหลงหวะ ด้วยโมหะบ่เคยหาย
       เขาชื่อ ออกท้าทาย เอาชึ่มเท่อประจานไทย
       
       แท้วัว สันหลังหวะ ผวาหวาดทุกเงาไหว
       เห็นกามาไกลๆ ก็สะดุ้ง ผวากา
       
       เปลี่ยนผิดให้เป็นถูก ที่ถูกเห็นเป็นปัญหา
       ทำผิดกฎหมายมา ว่ากฎหมายสิ ผิดผัน
       
       วัวบ้า มาครองเมือง ก็โข่งเขื่อง อัตตาตัน
       ลงแส้ประชาทัณฑ์ เสียทีเถิดประชาไทย
 เนวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ


หัวข้อ: Re: กวี แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: bamboo ที่ มิถุนายน 02, 2008, 11:05:51 AM
ชาวประชาเจ็บช้ำระกำจิต
เลือกผู้แทนที่ผิดเข้าสภา
เข้าไปนั่งหน้าบานกันทั่วหน้า
แต่ไม่มีปัญญาจะแก้ไข

ปล่อยน้ำมันราคาสูงพุ่งกระฉูด
ราคาของแพงไม่หยุดสุดลื่นไหล
เสือกมาบอกให้ปวงชนต้องทำใจ
พวกเราไงต้องคอยรัดประหยัดตน

ราคาข้าวชาวนาเสือกมาถูก
บอกชาวนาดันปลูกจนมากล้น
แต่ข้าวสารดันแพงสุดพิกล
เป็นเพราะคนสีข้าวเอากำไร

แต่ผู้แทนที่ลือกเสือกนิ่งเฉย
ปล่อยให้เลยตามเลยแล้วเฉไฉ
เป็นเพราะว่ามันแพงตามกลไก
นานนานไปก็เข้าที่ดีมาเอง

แล้วชาวนาจะรอดหรือจะร่วง
ใครจะห่วงพวกเขาที่ลอยเคว้ง
ทั้งค่าปุ๋ยค่ายาขึ้นไม่เกรง
ถึงทำนาแสนเก่งก็วอดวาย

เศรฐกิจชาวไทยให้ทรุดหนัก
พวกสอสอสุดที่รักไม่ขวนขวาย
ที่จะแก้เศรฐกิจให้ผ่อนคลาย
หรือระบายความทุกข์ให้ลดลา

ส่วนงานอื่นที่ไม่หวังตั้งใจนัก
เรื่องยุบพรรคกลัวกันเป็นหนักหนา
คอยจะแก้กฏหมายหลายอัตรา
ให้พ้นพาข้องขัดรัฐธรรมนูญ

จึงเห็นว่าน่ายุบหรือทุบทิ้ง
พวกสอสอหน้าลิงให้ดับสูญ
เลือกมาแล้วกี่สมัยไม่ค้ำจุน
เนรคุณได้ทุกคราหน้าไม่อาย


หัวข้อ: Re: กวี แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: นายซาไกทัดดอกฝิ่น ที่ มิถุนายน 02, 2008, 11:10:10 AM
สุดยอด พี่แบม  ตรงๆ คม  ไม่ต้องแปล เหมื่อนครายบางคน5555


หัวข้อ: Re: กวี แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: LightHouse ที่ มิถุนายน 02, 2008, 12:25:57 PM
เยี่ยมครับ พี่แบม ตรงๆเลย ไม่ต้องโบ้ยไปหาไอ้ปื้ด ;D


หัวข้อ: Re: กวี แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: Trekkathon ที่ มิถุนายน 02, 2008, 07:50:11 PM
ส่งไปอ่านบนเวทีพันธมิตรดีมะ


หัวข้อ: Re: กวี แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: bamboo ที่ มิถุนายน 05, 2008, 04:26:55 PM
ตอนลงท้าย จะเขียนว่า
เนรคุณไม่เคยขาด..อ้ชาติ..มา      ??? ??? ???
แต่ยังเกรงใจอยู่นะเนี่ย  ??? ??? ???เลยออกมาเป็น
เนรคุณได้ทุกคราหน้าไม่อาย


หัวข้อ: Re: กวี แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: นายซาไกทัดดอกฝิ่น ที่ มิถุนายน 09, 2008, 09:04:20 AM
งามผู้กล้าแกร่งแห่ง “สะพานมัฆวานผ่านฟ้า” สยามขวัญ
       
               งามผู้กล้าแห่งฟ้า       สยามขวัญ
       งามหมู่มนุษย์มหัศจรรย์       เลิศแล้ว
       เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์อัน   กายสิทธิ์ โอม
       ศักดิ์สิทธิ์ สยามใจเพชร เมืองแก้ว  เพริศแพร้ววิเศษสวรรค์ ฯ
       
               รักกษัตริย์บรรพบุรุษไหว้ บุญญฤทธิ์ ระลึกแล
       รัก ชาติ งานชีพสถิต           ค่าไว้
       รัก ศาสน์ ก่อกุศลจิตร         แจกโลก
       รัก ราษฎร์ เอกราช ไซร้      ร่วมสร้างสยามสวรรค์ฯ
       
                ปวงราษฎร              นฤมิตร
       หน้าสลอนอยู่ต่อหน้า ธรณี  ไทยเอย
       ธงชาติ “ไตรรงค์” สี           สง่าฟ้า
       วิเศษสะพาน “มัฆวาน” มี     เกียรติยศ โลกแล
       “สหประชาชาติ”เก่ง กล้า     ป่าวหล้า เล็งสยามฯ
       
                งามผู้กล้าแห่งฟ้า      สยามสมัย  ใหม่แล
       มนุษยชาติ เอกราช ใจ       เพชรแพร้ว
       เพื่อชาติ ศาสน์ วิสุทธิ์ใส     มหากษัตริย์ รัฐธรรมนูญ
       ทุกข์ เทวษ สยามไม่แล้ว    เร่งแกล้ว ไกรหาญฯ
       
                สะพาน “มัฆวาน”วิเศษแล้ว  ยุทธศาสตร์
       อินทร์ ผ่านช่วยปวงราษฎร์    รุ่งฟ้า
       เกียรติยศ ร่วมกู้ชาติ เรืองรุ่ง  อารยะ
       “ประชาธิปไตย”เลิศหล้า       เก่งกล้า สยาม สวรรค์ฯ
       
                แม้ว แม้ว แมวร่ำก้อง  สุสานใด ดังฤา
       แม้ว จ่อม นรกขุมไหน         ใครรู้
       ชาติก่อน ก่อกรรม อะไร       เวรนั่น สนองนา
       อโห อยู่หิว คุดคู้ วู่ไหม้         นรกสยองฯ
       
                คะนองศึกสับหั่นเกล้า  ปาฉาว ชโย
       เปรี้ยง สนั่นปืน ไฟพราว        พรึบม้วย
       “บางระจัน”ไม่กลัวหลาว         หอกพม่า สามานย์
       เสมอพม่าเกิดเลิศด้วย          เลือดล้าง บาทสยามฯ
       
               โอมชัยชนะโห่ร้อง       ก้องโลก ชโย
       ปวงราษฎร์ ระงับทุกข์โศก     สว่างหล้า
       อะคร้าวใจ ใฝ่สร้างโชค         แห่งชาติ
       “สยามใหม่”วิเศษเสน่ห์ฟ้า     เฟื่องฟุ้งเกษมศานต์ ฯ
       
       อังคาร กัลยาณพงศ์ (จันทร์ ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2551 แรม 14 ค่ำ เดือน 6 ปีชวด)
       


หัวข้อ: Re: กวี แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: นายซาไกทัดดอกฝิ่น ที่ มิถุนายน 09, 2008, 04:23:20 PM
อีกไม่ช้า

           กราบมายังพ่อแม่   พันธมิตร
       ที่ร่วมแรงร่วมจิต        จัดตั้ง
       ต้านโหงห่าอำมหิต     หิวหื่น
       นับสิบนับแสนครั้ง      ทุกครั้งมั่นคง
       
          ขอจงผนึกสู้ศึกสู้      สืบสาน
       เขี่ยกากเดนเผด็จการ   กลากเกลื้อน
       ถอนรากหมู่รัฐมาร       ให้หมด
       ทั้งหมู่หมูขี้เรื้อน          เตลิดร้างชาติเรา
       
       @ เพราะนี่คืออนาคต   อันงามงดและงามเงา
       จะกี่แดดจะแผดเผา     จะกี่ฝนก็ทนฝืน
       มิถอยล้ามิราแรง         มิเปลี่ยนแปลง ณ จุดยืน
       จะกี่ปีจะกี่คืน              ก็เป็นเรายังฝั่งยาม
       
       เป็นเราที่เฝ้าโค่น
       ฟันฝูงโจรตะกละตะกลาม
       ต่อสู้ศัตรูทราม
       คอยโกงกินแผ่นดินไทย
       
       กุมมือโดยยึดมั่น
       ไม่ครั่นคร้ามไม่ว่าใคร
       เปล่งเสียงซึ่งเกรียงไกร
       ทุกย่างก้าวทุกก้าวเดิน
       
       ก้าวด้วยหวังฝังปลูกถึงลุกหลาน
       ว่าแม่พ่อต่อสู้มารอยู่นานเนิ่น
       เพื่อแผ่นดินมิสิ้นดับมิยับเยิน
       กล้าเผชิญโจรชั่วสุมหัวโกง
       
       คมทวน คันธนู
       
       ป.ล.หายดีแล้วจะมาร่ายกลอนสดให้ฟัง
       
       “คมทวน คันธนู” เป็นกวี นักเขียนเรื่องสั้น บทความ และนวนิยาย ชื่อจริง “ประสาทพร ภูสุศิลป์ธร” เกิดเมื่อ พ.ศ.2493 ที่กรุงเทพฯ
       
       หนังสือ “นาฏกรรมบนลานกว้าง” ได้รับรางวัลซีไรต์ โดยได้รับการยกย่อง ว่า มีความสามารถแต่งคำประพันธ์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งฉันท์ เพลงพื้นบ้านมาประยุกต์ได้อย่างกลมกลืน ปัจจุบันอยู่ระหว่างพักฟื้นหลังเข้ารับการ “ผ่าตัดสมอง” เมื่อเดือนพฤษภาคม 2550 ที่ผ่านมา โดยแพทย์ได้ผ่าตัดก้านสมอง เพื่อจัดการกับก้อนเลือดที่แข็งตัว และกดก้านสมองออก และปัจจุบันยังเคลื่อนไหวไม่ได้ตามปกติ แต่สมองยังมีสติสัมปัญญชะครบถ้วน และเขียนบทกวีชิ้นนี้ เพื่อสนับสนุนการต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย


หัวข้อ: Re: กวี แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: นายซาไกทัดดอกฝิ่น ที่ มิถุนายน 10, 2008, 08:11:25 AM
คน 2 รุ่นในมหา'ลัยราชดำเนิน
       

               พ่อนั่งฟังปราศรัยในดึกดื่น           ใจตื่น-กายนิ่งไม่ติงไหว
          ขบคิดติดตามความเป็นไป           พร้อมทบทวนใจเลื่อนไหลนั้น
       
               ลูกน้อยหลับผล็อยหนุนตักพ่อ      ร่างงองุดงุ้มโอบอุ้มฝัน
          ท่ามน้ำค้างหนาวไร้เงาจันทร์        ไออุ่นอันฝันแผ่ดุจแพรคลุม
       
               พ่อสดับรับรู้ในราวเรื่อง               ว่าบ้านเมืองมากร้ายและร้อนรุ่ม
          ด้วยระบอบทักษิณาพากันรุม        มั่วสุมเสพกินแทบสิ้นไทย
       
               ลูกนอนยิ้มกริ่มกรุ่น-อุ่นอก          ฝันว่าสังคมปกป้องภัยให้
          ทุกแขนโอบกอดตลอดไป           ทุกใบหน้าแย้มสงบเย็น
       
               พ่อเดือดดาลใจให้พลุกพล่าน       กับมารครอบเมืองแค้นเคืองเข็ญ
          ทั้งกุมรัฐนาวาพาลำเค็ญ              และชักใยเล่นแอบหลังอยู่
       
               ลูกถักทอฝันอันสดใส                 เห็นผู้ใหญ่ใจประเสริฐ-เลิศหรู
          หว่านโปรยของเล่นด้วยเอ็นดู        พร่างพรูเงินทองช่วยผองชน
       
               พ่อตั้งประณิธานหาญกล้า             จะรุกรบรามารหน้าขน
          ที่โกยโกงสิ้นแผ่นดินตน              ไปจนได้ชัยขับไล่มาร
       
               ลูกยังสานใยในฝันพริ้ม                เอิบอิ่มปริ่มสุขสนุกสนาน
          วาดแผ่นดินสวยด้วยตำนาน           จากหลากนิทานที่อ่านมา
       
                พ่อขอประกาศประกาศิต              ร่วมเพื่อนพันธมิตรทั่วทิศา
          โค่นระบอบทักษิณสิ้นพารา           ไล่รัฐนาวาหุ่นเชิดเตลิดไป
       
                ลูกเคลิ้มคุ้งฝันว่าวันหน้า               ทุกชาวประชาจะหน้าใส
           ด้วยผู้นำธรรมาธิปไตย                 ใช้ธรรมนำไทยให้เรืองรอง
       
                พ่อนั่งฟังปราศรัยในดื่นดึก           อัดแน่นสำนึกตอบสนอง
           ปวารณาตัวอย่างตรึกตรอง            จะไล่ผองพาลชั่วทุกชาติไป
       
                 ลูกนอนแนบฝันอันหวามหวาน      ขออธิษฐานสานเชื้อสาย
            สืบเลือดพ่อต่อรุ่นให้เรียงราย         ทุกชาติได้หนุนตักอุ่นรักละมุน
       
       

       ภู-ติ-รัก
       ๖ มิถุนายน ๒๕๕๑
       

       
       หมายเหตุ : บทกวีชิ้นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากคำปราศรัยของนายสนธิ ลิ้มทองกุล บนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ณ สะพานมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยราชดำเนิน แหล่งเรียนรู้ของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ที่ชี้ให้เห็นถึงการมาร่วมกันทำภารกิจศักดิ์สิทธิ์ต่อชาติบ้านเมือง ซึ่งเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่ให้คนรุ่นลูกหลานได้มีชีวิตอยู่อย่างสมศักดิ์ศรี
       
       สำหรับ "ภู-ติ-รัก" เป็นนามปากกาของสื่อมวลชนแห่งลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา แต่ถิ่นเกิดอยู่ที่ลุ่มน้ำน่าน เป็นหนึ่งในกวีผู้ร่วมก่อตั้ง "กลุ่มกาแล" กลุ่มวรรณกรรมที่ถือกำเนิดขึ้นในรั้วมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เมื่อกว่า 20 ปีมาแล้ว ถือเป็นกวีสายตระกูลช่างแรคำ เพราะเป็นศิษย์ของ "แรคำ ประโดยคำ" กวีซีไรต์ แห่งลุ่มน้ำแม่ปิง
       


หัวข้อ: Re: กวี แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: นายซาไกทัดดอกฝิ่น ที่ มิถุนายน 11, 2008, 04:21:43 PM
รักกลางราชดำเนิน
       
       ขณะเปล่งเสียงสู้เพื่อกู้ชาติ
       ฝนสาดแดดส่องตกต้องถึง
       เสียงกระหึ่มโหมฮือนั้นอื้ออึง
       ซาบซึ้งยิ่งนักมัฆวานฯ
       
       ประชาชนทั้งนั้นในวันนี้
       แรงมีเท่าไรจะต่อต้าน
       โห่ฮาด่าก่นไอ้คนพาล
       กเฬวรากสันดานนักการเมือง
       
       เธอนั่งสวยอยู่กลางพันธมิตร
       ฉันนั่งชิดเพื่อนเพื่อนไปทุกเบื้อง
       มัฆวานแลงามอร่ามเรือง
       โน่นเหลืองนี่เหลืองอยู่เรืองรอง
       
       พี่น้องเอ้ย พี่น้องเอ้ย!
       เอาเลยโหมฮึกให้กึกก้อง
       เรี่ยวแรงมีเท่าไหร่เอาไปกอง
       เต็มท้องถนนเต็มหนทาง
       
       เธอลุกขึ้นชูมือขึ้นถือธง
       ฉันส่งรอยยิ้มไปเคียงข้าง
       เธอยิ่งสวยยิ่งงามเกินอำพราง
       โอ้โอ้รักกลางราชดำเนิน
       
       รักเธอ!
       จะร่วมสู้เสมอแม้เย้อเยิ่น
       เราจะนั่งเราจะดูเราจะเดิน
       มัฆวานฯจงเจริญมัฆวานฯ!
       
       ขณะเปล่งเสียงสู้เพื่อกู้ชาติ
       ใครบังอาจขี้ฉ้อ-ต้องต่อต้าน
       เรากับเพื่อนทั้งผองที่ต้องการ-
       ดับอหังการ์สันดานนักการเมือง!
       

       
       
๙ มิถุนายน ๒๕๕๑
       มนตรี ศรียงค์
 


หัวข้อ: Re: กวี แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: นายซาไกทัดดอกฝิ่น ที่ มิถุนายน 20, 2008, 01:13:48 PM
ประชาสถาปนา
       
       ยี่สิบสี่มิถุนา
       สองสี่เจ็ดห้าสมัย
       สถาปนาประชาธิปไตย
       ยังไม่ไปถึงไหนเลย
       
       ปล้ำผีลุกปลุกผีนั่ง
       ผีสตางค์มันเข้าเกย
       ซื้อประชาไปผ่าเผย
       แล้วนั่งแท่นขึ้นครองเมือง
       
       ตัวตายก็ตัวแทน
       เป็นส่ำแสนเข้าหนุนเนือง
       ใช้รัฐธรรมนูญเปลือง
       เป็นเครื่องมือพวกสามานย์
       
       กลับผิดให้เป็นถูก
       แล้วเปลี่ยนถูกเป็นผิดพลาญ
       ประโยชน์ชาติก็แหลกลาญ
       ให้ต่างชาติเข้าชุบมือ
       
       ชูมือชุบมือเปิป
       กำเริบสัมปทานถือ
       โลกร้อนเป็นไฟฮือ
       ไม่เท่าร้อนประชาชน
       
       อัปเปหิ มันออกไป
       พวกหน้าด้านและหน้าทน
       จัดตั้งกำลังคน
       กำจัดมารที่ครองเมือง!
       
       เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
       พฤ ๑๙/๖/๕๑


หัวข้อ: Re: กวี แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: นายซาไกทัดดอกฝิ่น ที่ มิถุนายน 25, 2008, 09:15:25 AM
เพลงยาวถึงรัฐบาลจากการเลือกตั้ง
       
       ใช่เพราะ “คนห้าคน” ผู้นำต้าน
       ใช่ว่า “พรรคฝ่ายค้าน” อยู่เบื้องหลัง
       “รัฐบาลชุดนี้” ที่น่าชัง
       เพราะแทบทั้งคณะร้ายไม่น่ารัก
       
       เห็นแต่เสนาบดี...ดีแต่ปาก
       เห็นแต่ทากดูดเลือดเดือดร้อนหนัก
       เห็นแต่เปรตผีบ้าน่ากลัวนัก
       เห็นแต่ยักษ์คะนองบ้านคะนองเมือง
       
       อาละวาดตวาดโวยโดยไม่ยั้ง
       ทั้งดื้อรั้นดันทุรังทั้งหาเรื่อง
       โต้วาทีตอแหลน้ำลายเปลือง
       มดเท็จเฟื่องฟูมฟายหลายคำโต
       
       ฟังก็รู้...ดูก็เห็น...กันทุกหน
       “ประชาชนทั้งหลาย” มิใช่โง่
       “ประชาธิปไตย” มิใช่อ้างอย่างพาโล
       “เลือกตั้ง” โก้...ชนะเสร็จ... “เผด็จการ”
       
       ด้วยสามัญสำนึกรู้สึกรู้สา
       จากหัวใจมวลประชามหาศาล
       ย่อมเหลืออดเหลือทน...เกินทนทาน
       เสียงแช่งด่ารัฐบาลจึงก้องดัง
       
       ใช่หลงเชื่อใครลุก “ปลุกระดม”
       แต่ความจริงสั่งสมมันร้องสั่ง
       มโนธรรมสำเหนียกเพรียกพลัง
       มนุษย์ยังคงมีศักดิ์ศรีมนุษย์
       
       “ผู้แทนถูกต้องตามกฎหมาย”
       แต่ “ทำลายความชอบธรรมตกต่ำสุด”
       “ราษฎรธรรมดา” จึงกล้ารุด
       จุดประกาย “ความชอบธรรมประชาชน”
       
       ใช่เพียง “หยิบมือเดียว” ที่ต่อต้าน
       แต่ “เรือนแสนเรือนล้าน” ทุกแห่งหน
       “ประกาศเจตนารมณ์ไม่จำนน”
       นักการเมืองทุกคนพึงสำนึก
       
       “ประชาชนศักดิ์สิทธิ์ทั่วแผ่นดิน”
       ใครดูถูกดูหมิ่นความรู้สึก
       ย่อมเป็นการก่อกรรมหนักล้ำลึก
       ยิ่งผนึกยิ่งผนวกบวกชิงชัง
       
       เราเกลียดท่าน...เพราะท่าน...น่ารังเกียจ
       เพราะท่านเหยียดหยามประชาว่าโง่งั่ง
       เมื่อมวลชนตื่นร่วมแสดงพลัง
       ท่านจะพัง...พ่าย...พล่าน...เพราะท่านเอง!
       
       ไพวรินทร์ ขาวงาม
       อังคาร ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๑
ไพวรินทร์ ขาวงาม (10 กุมภาพันธ์ 2504 - ) นักเขียนบทกวี และบรรณาธิการ เกิดในครอบครัวชาวนาจังหวัดร้อยเอ็ด จบชั้นมัธยมปลายจากโรงเรียนบ้านตาหยวก และบวชเรียนต่อจนจบมัธยมปลาย ที่มหาวชิราลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตของมหามกุฏราชวิทยาลัย สาขาวังน้อย พระนครศรีอยุธยา อยู่ช่วยฝึกสอนวิชาภาษาไทยและวรรณคดี เพื่อตอบแทนคุณสถาบันระยะหนึ่งจึงลาสิกขาบท จากนั้นมุ่งสู่เชียงใหม่ เป็นพนักพิสูจน์อักษร หนังสือพิมพ์ประชากรรายวัน ก่อนเขยิบฐานะเป็นนักข่าว สี่งสมประสบการณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเล็กๆหลายฉบับ จวบปี 2527 ตัดสินใจเข้ากรุง ทำงานฝ่ายศิลป์นิตยสารสปีดเวย์ ต่อสู้ชีวิตทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะทำรูปเคลือบพลาสติกวางขายข้างถนน พนักงานขายไอสครีม ปี 2528 ช่วยงานนิตยสารสู่ฝัน ปี 2531 ประจำกองบรรณาธิการวารสารปาจารยสาร ต่อมาเป็นบรรณาธิการเฉพาะกิจสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น ประจำกองบรรณาธิการหนังสือดีเขต เป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการชีวิตต้องสู้ ปัจจุบันเป็นคอลัมนิสต์อิสระ




หัวข้อ: Re: กวี แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: นายซาไกทัดดอกฝิ่น ที่ กรกฎาคม 01, 2008, 10:11:54 AM
โคลงสี่
                       @เห็นเหตุอาเพศให้     เห็นลาง
                       หมูเห่าพลางหอนพลาง  พล่ามบ้า
                       น้ำลายยืดเป็นยาง         ไหลยืด
                       น่าด่าหน้าด้านหน้า        ถีบหน้าหนาหนา
       
                 โจรตาเหล่สั่งให้      นายทหาร
                       หุบปากตบปากตบกบาล  ตบบ้อง
                       ทหารโจรคุกเข่าคลาน     เงียบกริบ
                       ออกรอบตีกอล์ฟป้อง      สนุกป้องสิบแปดหลุม
       
                  กุ๊ยกุมตำรวจให้     ขวาหัน ซ้ายหัน
                       ตำรวจตะกวดวิ่งพัลวัน    หมอบไหว้
                       ยิ่งเห็นยิ่งมหัศจรรย์        จริงว่ะ
                       อาวุธมีไว้ใช้                 รับใช้ใครโหวย
       
                             วิชชุมาลา
                           @อาเพศเปรตผี      อ้วนพีเต็มสภาฯ
                           ฝูงโหงฝูงห่า            เข้ามากอบโกย
                           ทั้งโกงทั้งกิน            แผ่นดินดิ้นโดย
                           จ่อคิวหิวโหย            แดกกันมันเมา
       
                   ยกตีนต่างมือ      เรียงชื่อฉวยฉก
                            หวังจ้วงล้วงจก         กูเอามึงเอา
                            คิดชั่วทำชั่ว             เนียนัวนานเนา
                            ชื่นฉ่ำชำเรา             ชาติจนหม่นหมอง
       
                        ยานี๑๑
                      @ซ้ำแล้วแหละซ้ำเล่า   ในน้ำเน่าที่ไหลนอง
                      ซ้ำซากมาจากซ่อง               สภาโจรสภาโจร
       
                ยัดเฉยไม่เคยละ          ว่าวันพระหรือวันโกน
                       น้ำครำกับน้ำโคลน           จึงหมักหมมโสมมมาร
       
                     เพื่อนพ้องทุกน้องพี่
                               อย่าหน่ายหนีแม้ยาวนาน
                               บ่มให้หัวใจหาญ
                               ทุกผองเพื่อนเมื่อเคลื่อนพล
       
                     เคลื่อนไปมิไหวหวาด
                                สู้อำนาจไม่จำนน
                                สู้เพื่อจักเอื้อผล
                                ให้ลูกหลานนับนานปี
       
                     ถึงตายก็เถอะตาย
                                อย่ายอมพ่ายเพราะยอมพลี
                                ฉันนั้นคือฉันนี้
                                หัวใจจึงเป็นหนึ่งเดียว
       
                        ถือธงธรรมนำทางสว่างทิศ
                               พันธะกิจพันธะแก่นย่อมแน่นเหนียว
                               หลอมกำลังทั้งหมดไม่ลดเลี้ยว
                               ตรงเข้าเคี่ยวขับเคลื่อนขับเถื่อนทมิฬ
       
                    โจรขี้คร่อกด็อกเตอร์ขี้เท่อสถุล,
                               โจรสมุน,โจรสมัคร,โจรทักษิณ
                               โจรขี้ข้าตาเข,โจรเนวิน
                               มันต้องสิ้นสูญโคตรฝังโลดเลย(ซ้ำ)
       
       
                                               คารวะยิ่ง
                                          คมทวน คันธนู


หัวข้อ: Re: กวี แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: นายซาไกทัดดอกฝิ่น ที่ กรกฎาคม 07, 2008, 04:28:08 PM
คารวะคุณแม่อารมณ์ มีชัย หญิงใจเพชรใจเด็ดเดี่ยว

       
       @ เหลือช่วงอันสั้นนักเกินจักคาด
       แต่ใจแกร่งแข็งฉกาจเกินชาติทหาร
       สั่งสอนทั้งสั่งสมอุดมการณ์
       ด้วยวิญญาณหญิงแท้เพศแม่เรา
       
       เต็มความงามความรักเต็มมรรคผล
       เพื่อให้คนผ่านข้ามพ้นความเขลา
       ดุจแสงสาดกราดฉายทำลายเงา
       พาทุกเท้าทุกทางสืบสร้างธรรม
       
       @ รู้ศัตรู รู้มิตร รู้ผิดถูก
       ห่วงหลานลูกข้างหลังจะพลั้งถลำ
       เป็นแบบอย่างสร้างวิถีการชี้นำ
       สำหรับจำแล้วจดเป็นบทเรียน ......
       
       ว่าชีวิตนิดน้อยค่าด้อยนัก
       เมื่อหาญหักโหมแรงการแปลงเปลี่ยน
       เมื่อยินยอมหลอมแท่งเพิ่มแรงเทียน
       เมื่อขับเฆี่ยนคนโฉดหิวโหดร้าย
       
       @ ก่อนเหนื่อยหนักพักหลับ ... ขอรับรู้
       การตื่นสู้จะสานทอดตลอดสาย
       จะหนุนนับทับทวีไม่มีตาย
       เต็มแสงพรายพราวพร่างเหนือทางเดิน
       
       เหลือช่วงอันสั้นนักเกินจักคิด
       แต่มวลมิตรไม่สิ้นเสียงสรรเสริญ
       เป็นเสียงซึ่งซึ้งธรรมทอดดำเนิน
       ทอดไกลเกินกว่าไกลถึงใจโพ้น!
       
       คมทวน คันธนู
       *อ่านจบแล้วขอให้พันธมิตรปรบมือเป็นเกียรติแก่แม่สักครึ่งนาทีครับ
       
       
       
       “คมทวน คันธนู” เป็นกวี นักเขียนเรื่องสั้น บทความ และนวนิยาย ชื่อจริง “ประสาทพร ภูสุศิลป์ธร” เกิดเมื่อ พ.ศ.2493 ที่กรุงเทพฯ เป็นเจ้าของหนังสือ “นาฏกรรมบนลานกว้าง” ได้รับรางวัลซีไรต์ โดยได้รับการยกย่อง ว่า มีความสามารถแต่งคำประพันธ์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งฉันท์ เพลงพื้นบ้านมาประยุกต์ได้อย่างกลมกลืน ปัจจุบันอยู่ระหว่างพักฟื้นหลังเข้ารับการผ่าตัดสมอง เมื่อเดือนพฤษภาคม 2550 ที่ผ่านมา


หัวข้อ: Re: กวี แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: นายซาไกทัดดอกฝิ่น ที่ กรกฎาคม 07, 2008, 04:29:25 PM
หมาไม่เคย โกงกิน สินของชาติ
       หมาไม่เคย บ้าอำนาจ อาฆาตฆ่า
       หมาไม่เคย หลอกลวง ปวงประชา
       หมาไม่เคย ขายยาบ้า ค้ายาอี
       
       หมาไม่เคย ตระบัดสัตย์ กัดเจ้าของ
       หมาไม่เคย หมายปอง ของผิดที่
       หมาไม่เคย ลืมบุญคุณ งามความดี
       หมาไม่เคย สร้างหนี้ ขายแผ่นดิน”
       
       นายอมร เฉลยว่า ผู้แต่งบทกวีนี้ คือนายอุสมาน ลูกหยี นักพูดชื่อดัง อดีตสมาชิกสภาโจ๊กรุ่นเดียวกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และเคยร่วมงานกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ในพรรคศรัทธาธรรม มหาวิทยาลัยรามคำแหง
       
       ทั้งนี้ นายอุสมาน เคยขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เพื่อขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2549 โดยมาพร้อมกับนายสมชาย หนองฮี สมาชิกสภาโจ๊กอีกคน


หัวข้อ: Re: กวี แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: นายซาไกทัดดอกฝิ่น ที่ กรกฎาคม 07, 2008, 04:30:28 PM
ร่วมมรดกโลก ๏
       
       ๏ สร้างปราสาท พระวิหาร ให้สมบูรณ์
       เทิดทูน ปณิธาน แห่งบรรพบุรุษ
       มรดกอารยะของมวลมนุษย์
       ผ่องพิสุทธิ์ เหนือชาติพันธุ์ กาลเวลา
       พระวิหาร มิใช่เพียง ตัวปราสาท
       หากคือความมุ่งมาด ปรารถนา
       ศูนย์รวมแห่งความรัก ความศรัทธา
       ศานติแห่ง มวลมหา ประชาชน
       มือที่เศกผาหิน แผ่นดินหอม
       ถวายจอม สุริยะ พระเวหน
       พระบารมี แผ่ไป ในภูวดล
       ไม่จำกัด ปริมณฑล เทวาลัย
       
       ปราสาทพระวิหาร จักสมบูรณ์
       ต้องรวมศูนย์ ศรัทธาชน คนส่วนใหญ่
       ร่วมแผ่นภูมิ "เขมรินทร์-บดินทร์ไทย"
       ปราสาทชัย บริบาล ศานติธรรม
       อย่ากีดกัน กั้นกล ผลประโยชน์
       อย่าดึงโขด พนมดงรักลงต่ำ
       ร่วมฝั่งฟ้า ร่วมหล้าชะตากรรม
       ร่วมน้อมนำ ปณิธาน วิหารพระ
       ศักดิ์สิทธิ์ ปราสาท เขาพระวิหาร
       ปรางค์ประธาน ปริมณฑล เป็นสัจจะ
       ไพรพิหาร สำแดง แหล่งอารยะ
       คือพันธะ เพื่อนไทย - กัมพูชา
       ร่วมแผ่นดินถิ่นมรดกโลก
       ร่วมกันโบกธงธรรม ให้งามสง่า
       ร่วมขจัดโขมดมาร ม่านมายา
       ร่วมมหาพระวิหาร แห่งธรรมเทอญ
       
       เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
       อ. ๒๔/๖/๕๑
       


หัวข้อ: Re: กวี แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: นายซาไกทัดดอกฝิ่น ที่ กรกฎาคม 09, 2008, 09:19:23 AM
เสียศักดิ์ เสียศรี ๏
       
       ๑๏ ใช่เสียแค่ปราสาท
       แต่เสียชาติและเสียหน้า
       รัฐบาลไร้เดียงสา
       ไม่รู้สึกไม่รู้สม
       
       ๒๏ ลุกลี้ไปรับรอง
       แลลุกลนมีลับลม
       ซ่อนเล่ห์อันโสมม
       ด้วยสามานย์สันดานเดิม
       
       ๓๏ รับรองเป็นของเขา
       สะเพร่าพลาดสะเพร่าเพิ่ม
       โอหัง ยังเหิมเกริม
       ไม่รู้หนาว ไม่รู้ร้อน
       
       ๔๏ เสียสิทธิ์ ทักท้วงสิทธิ์
       เหนือพื้นที่ ที่ทับซ้อน
       เสียขวัญ ทวยนาคร
       และเสียศรีสะเกษศรี
       
       ๕๏ ไม่ใช่เรื่องคลั่งชาติ
       และไม่ใช่เรื่องไมตรี
       เป็นเรื่องเราเสียที
       ก็เพราะคนของเราเอง
       
       ๖๏ สงสารประเทศไทย
       ที่ปล่อยให้เขาข่มเหง
       แต่นี้ จะร้องเพลง
       ประเทศไทย...ให้ใครฟัง!
       
       เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
       อ.๘/๗/๕๑
       


หัวข้อ: Re: กวี แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: นายซาไกทัดดอกฝิ่น ที่ กรกฎาคม 30, 2008, 08:27:03 AM
ฝนชะเลือด ๏
       
       ๑. ๏ ใครทำให้คุณเกลียด
       หรือใครทำให้คุณกลัว
       ใครกันที่ปั่นหัว
       ให้คุณกลายเป็นสัตว์นรก!
       
       ๒. ๏ คลั่งคิดให้คุณใช้
       วิธีการ อันสกปรก
       ไม่สะท้านไม่สะทก
       กับวิถีอันสามานย์
       
       ๓. ๏ โถมรุมเข้าทำร้าย
       ด้วยไม้พลอง กระบองขวาน
       หญ้าแพรกก็แหลกลาญ
       แลเลอะเลือด เดือดแผ่นดิน
       
       ๔. ๏ ไม้แรกที่ได้เลือด
       จะเดือดทั่วทั้งธรณิน
       ปิดฉากพวกกังฉิน
       พวกหุ่นเชิดให้ฉิบหายน์!
       
       ๕. ๏ แปรกลัวมาเป็นเกลียด
       จนเป็นกล้าเข้าท้าทาย
       คือเหล่าอสุรกาย
       ผู้กลัวแสงแห่งความจริง
       
       ๖. ๏ “ถุงมือ หาใช่มือไม่
       พอเปื้อนเลือดก็ถอดทิ้ง
       มือกู สะอาดยิ่ง
       ที่เปื้อนเลือด คือถุงมือ”
       
       ๗. ๏ เผด็จการอันชั่วช้า
       มีมิจฉา ทิษฐิถือ
       จงเรา เร่งลุกฮือ
       ไล่ผีเปรต เผด็จการ!!
       
       เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
       อ.๒๗/๗/๕๑
       
[/b] [/b]


หัวข้อ: Re: กวี แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: i-am-ton ที่ กรกฎาคม 30, 2008, 09:19:20 AM
ขอบคุณครับ ยิ่งอ่านยิ่งเศร้า....


หัวข้อ: Re: กวี แผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: นายซาไกทัดดอกฝิ่น ที่ กรกฎาคม 30, 2008, 02:00:21 PM
จากเพื่อนถึงเพื่อน :

       
                                    โคลง  @ ร้าวเจ็บอีกร้อยเจ็บ ใจกาย
                                         อย่าฝ่ออย่าฟูมฟาย ฝึกกลั้น
                                         ทางใหม่ย่อมมั่นหมาย มุ่งต่อ
                                         กี่ขอบ กี่ร้อยขั้น ลุกข้ามขันแข็ง
       
                                  ฉันท์ @ กี่อุปสรรค จักมิระย่อ
                                         ท้อก็มิท้อ ถอยพละแรง
                                         ถึงระยะไกล ใจจะแสดง
                                         ทุกระยะแฝง ยอมสละพลี
       
                                  ฉันท์ @ เพื่อชนะมาร ต้นหฤโหด
                                        อันจะอุโฆษ ถ้อยสดุดี
                                        เอาชนะมึง ซึ่งทรพี
                                        มีรึจะหนี ผองทุระภัย
       
                               กาพย์ @ มึงโร่มึงโห่ร้อง
                                       ลำพองชั่วว่าคือชัย
                                       แหกปากสำรากไป
                                       สำเริงงับรอรับเงิน
       
                                       เปรมปรีดิ์เถิดผีเปรต
                                       หลงทุเรศเป็นจำเริญ
                                       แดง ด่างลากหางเดิน
                                       ดังเลื้อยลากขึ้นจากหลุม
       
                                       มึงยิ้มกระหยิ่มเยาะ
                                       รุมหัวเราะไล่กลุ้มรุม
                                       พวกกูจะกู้กุม
                                       แล้วเดินหมากปิดฉากมึง
       
                         กลอน @ กี่ผิดหวังพลั้งพลาดกี่บาดแผล
                                   มันก็แค่พลาดหวังเพิ่มครั้งหนึ่ง
                                   แต่เพิ่มย้ำสำนึกให้ลึกซึ้ง
                                   ย้ำลงถึงมิตรทัศน์ถึงศรัทธา
       
                                   เพิ่มผิดหวังพลั้งพลาดเพิ่มบาดแผล
                                   คงแน่วแน่หนุนเนื่องไปเบื้องหน้า
                                   หากเพื่อนร้อนอ่อนระโหยแรงโรยรา
                                   ประคองมาเพื่อนขึ้นก้าวยืนเคียง
       
                                   เมื่อเพื่อนลุกทุกเราเป็นเงาร่ม
                                   เป็นสายลมไล่แดดที่แผดเปรี้ยง
                                   เลือดปนเหงื่อเนื้อปนหนังไหลหลั่งเรียง
                                   ก็แค่เพียงผิวเผินเมินมันซะ!
       
                                   เมื่อพร้อมลุกทุกเราคือเบ้าหลอม
                                   คือเบ้าล้อมมวลรวมไม่หลวมหละ
                                   แม้นหนทางข้างหน้าเต็มภาระ
                                   ทุกเบ้าจะหลอมใจมอบให้เรา?
       
                                                                    คมทวน คันธนู