TRIP & TREK โลกกว้างของคนเดินทาง

        วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๓.๐๐ น. นายสุนันต์ อรุณนพรัตน์  อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ   สัตว์ ป่า และพันธุ์พืช แถลงข่าว กรณีเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวในแนวปะการังทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งทะเล อันดามัน ว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มิได้นิ่งนอนใจกับเรื่องนี้ โดยส่วนศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติ สำนักอุทยานแห่งชาติ ได้ติดตามและศึกษาปรากฏการณ์มาโดยตลอด  การฟอกขาวของปะการังเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น ปรากฏการณ์แอลนิลโญ อุณหภูมิมีการเปลี่ยนแปลง รังสีจากดวงอาทิตย์ การถูกแดด-ลมฝนกระทำ ตะกอนและความขุ่นของน้ำทะเล น้ำจืดเข้ามาปะปนน้ำทะเล สภาพสารและธาตุอาหารในน้ำทะเล สารเคมี หรือสารชีวภาพที่มนุษย์ใช้ในชีวิตประจำวัน และเชื้อโรค เป็นต้น แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวในครั้งนี้ เกิดจากภาวะโลกร้อน โดยอุณหภูมิน้ำในทะเลสูงขึ้นประมาณ 1-2 องศาเซลเซียส หรือผลจากความเข้มของแสง หรือสองปัจจัยนี้ร่วมกัน ส่งผลให้สาหร่ายซูแซนเทลลี ที่อาศัยอยู่ในปะการังทนอยู่ไม่ได้   และ หนีออกมาจากปะการัง ทำให้ปะการังกลายเป็นสีขาวไม่มีสีสัน คล้ายหินปูน เมื่อเกิดการฟอกขาวแล้ว ปะการังจะยังไม่ตายทันที แต่จะอ่อนแอและมีชีวิตอยู่ได้อีก 2-3 สัปดาห์ หากอุณหภูมิน้ำทะเลหรือสภาพแวดล้อมกลับคืนสู่สภาพปกติ ปะการังจะสามารถปรับสภาพและฟื้นตัวได้ ดังนั้น หากในช่วง 2-3 สัปดาห์ อากาศมีอุณหภูมิลดลง หรือมีฝนตกลงมาเล็กน้อย จะช่วยให้อุณหภูมิน้ำทะเลลดลง โอกาสที่ปะการังจะกลับมามีชีวิตและสีสันได้อีกครั้ง นอกจากนี้ สำหรับในพื้นที่ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ควรลดหรืองดกิจกรรมท่องเที่ยวทางทะเล เพื่อช่วยลดมลพิษที่จะถูกปล่อยลงสู่ทะเล และให้เวลาปะการังในการฟื้นตัวกลับคืนสู่สภาพเดิมอีก

นาย สุนันต์ กล่าวว่าจากการที่มีข้อเสนอจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้มีการปิดอุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามัน ทั้งหมดนั้น คงมีผลกระทบกับหลายฝ่ายอย่างแน่นอน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้พิจารณาในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านกายภาพของพื้นที่ เศรษฐกิจ และสังคม และได้เชิญนักวิชาการที่เกี่ยวข้องจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตลอดจนหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทางทะเลทุกแห่งมาหารือในการแก้ไขปัญหาปะการัง ฟอกขาวนี้ ทุกฝ่ายมีความเห็นร่วมกันว่า เพื่อเป็นการศึกษาเรียนรู้จากปรากฏการณ์ในครั้งนี้ อุทยานแห่งชาติทางทะเลจะงดกิจกรรมดำน้ำในเขตที่เกิดปรากฎการณ์ที่มีบริเวณ กว้างเกินร้อยละ ๘๐ ของพื้นที่ เพื่อให้ปะการังได้ฟื้นตัว ดังนี้

๑.  อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม  จังหวัดตรัง บริเวณ เกาะเชือก

๒.  อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา  จังหวัดสตูล บริเวณ เกาะบุโหลนไม้ไผ่   

๓.  อุทยานแห่งชาติตะรุเตา  จังหวัดสตูล บริเวณ เกาะตะเกียง  เกาะหินงาม  เกาะราวี(หาดทรายขาว) เกาะดง

๔.  อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร บริเวณ เกาะมะพร้าว

๕. อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะ-พีพี  บริเวณแนวปะการังบริเวณหินกลาง

๖. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา บริเวณอ่าวแม่ยาย อ่าวจาก อ่าวเต่า เกาะตอรินลา เกาะมังกร     

๗.  อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา บริเวณอ่าวไฟแว๊ป และอีส ออฟ อีเด็น

นอก จากนี้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ยังคงใช้มาตรการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในอุทยานแห่งชาติ เพิ่มความเข้มข้นในการออกตรวจปราบปรามการลักลอบทำการประมงในเขตอุทยานแห่ง ชาติ    ติดตามการเปลี่ยนแปลงของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง  จัด ให้มีการให้ข้อมูล ข่าวสารแก่เจ้าหน้าที่ ผู้ประกอบการ และชุมชนชาวมอร์แกน เพื่อรับทราบถึงสถานการณ์และเป็นการสร้างความร่วมมือในการลดผลกระทบ  เตรียมมาตรการเพื่อรองรับการใช้ประโยชน์ในการรองรับนักท่องเที่ยว  เพิ่มจำนวนเปลี่ยนจุดวางทุ่น หรือซ่อมบำรุงทุ่นจอดเรือ เพื่อลดการทิ้งสมอในแนวปะการัง  เฝ้าระวังรักษาแนวปะการังที่มีความสามารถทนทานสภาวะฟอกขาวให้เป็นแหล่งกระจายตัวอ่อนปะการังตามธรรมชาติ  รณรงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่นักท่องเที่ยวตลอดจนเยาวชนและประชาชนทั่วไปในการท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติอย่างมีจิตสำนึก   รณรงค์ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวที่ได้รับผล การทบจากภาวะโลกร้อน เพื่อเป็นการสร้างความร่วมมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและลดภาวะโลก ร้อนต่อไป อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าว

 

          สำหรับ การฟื้นฟูแนวปะการังจะต้องมีการทำอย่างเร่งด่วนโดยจะตั้งคณะกรรมการร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสถาบันการศึกษาเพื่อเร่งดำเนินการให้เกิดผล เป็นธรรม เนื่องจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามันจะมีการเสนอเป็นมรดกโลก ทางธรรมชาติต่อไป