เรา ชนะ แน่ พี่น้อง
ความจริง จะนำทางเราไปสู่ เป้าหมายนั้น
ความถูกต้อง จะนำทางเราไปสู่ เป้าหมายนั้น
คนจริง จะนำทางเราไปสู่ เป้าหมายนั้น
..............
นี่คือจุดจบและจุดล่มสลาย อีกทาง ของทราราชและหุ่นเชิด
พิจารณาถึงข้อเท็จจริงที่ว่า นายบรรจง ได้ร่วมเดินทางกับกลุ่มกำนันโดยสายการบินเที่ยวเดียวกันทั้งไปและกลับ และเดินทางไปที่ทำการพรรคพลังประชาชนโรงแรมเอสซีปาร์ค พร้อมกับกลุ่มกำนันและนอนพักที่โรงแรมเดียวกัน พฤติการณ์ของ นายบรรจง ดังกล่าวไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ และไม่น่าเชื่อว่า นายบรรจง จะไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ประกอบกับได้ความจากผู้คัดค้านที่ 1 ว่า หลังเกิดเหตุรัฐประหารในประเทศไทยเมื่อปี 2549 ผู้คัดค้านที่ 1 ได้เดินทางไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในปีดังกล่าวและกลับมาประเทศไทยเมื่อปลายเดือนกันยายน 2550 ดังนั้น เมื่อผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 จะสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในนามพรรคพลังประชาชนในเขตจังหวัดเชียงราย จึงต้องมีการตระเตรียมการเลือกตั้งซึ่งต้องได้รับความช่วยเหลือจากคนในพื้นที่ การที่กลุ่มกำนันในอำเภอแม่จันรวม 10 คน เดินทางไปพบผู้คัดค้านที่ 1 ซึ่งเป็นผู้บริหารพรรคพลังประชาชนที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 28 ตุลาคม 2550 อันเป็นเวลาภายหลังจากมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ.2550 ใช้บังคับแล้ว จึงมีเหตุให้เชื่อได้ว่ากลุ่มกำนันไปตามคำเชื้อเชิญของผู้คัดค้านที่ 1 โดยมีจุดประสงค์เพื่อขอให้กลุ่มกำนันช่วยเหลือพรรคพลังประชาชนซึ่งผู้คัดค้านที่ 1 เป็นผู้บริหารพรรค และช่วยเหลือสมาชิกพรรคพลังประชาชนที่จะสมัครรับเลือกตั้งในจังหวัดเชียงราย ซึ่งรวมถึงผู้คัดค้านที่ 2 ด้วย และการที่กลุ่มกำนันเดินทางไปพบผู้คัดค้านที่ 1 เพื่อประโยชน์ในการเลือกตั้งของพรรคพลังประชาชนในครั้งนี้ เชื่อได้ว่า ผู้คัดค้านที่ 1 จะต้องมีการให้เงินแก่กลุ่มกำนันเป็นการตอบแทน พฤติการณ์แห่งคดีดังที่ได้วินิจฉัยมาดังกล่าวมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ผู้คัดค้านที่ 1 ได้ให้เงินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่กลุ่มกำนันในอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย เพื่อจูงใจให้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งแก่พรรคพลังประชาชนและผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย สังกัดพรรคพลังประชาชน ตามคำร้องของผู้ร้อง***
และแม้จะไม่ปรากฏหลักฐานชัดแจ้งว่า หลังจากกลุ่มกำนันได้พบกับผู้คัดค้านที่ 1 แล้ว กลุ่มกำนันได้ไปเกี่ยวข้องกับ การเลือกตั้ง หรือมีพฤติการณ์ในการช่วยเหลือในการหาเสียง หรือลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ ผู้คัดค้านที่ 1 หรือผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคพลังประชาชนก็ตาม แต่การที่ผู้คัดค้านที่ 1 เรียกกลุ่มกำนันในพื้นที่ถึง 10 ตำบล ไปพบเพื่อพูดคุยเรื่องการเลือกตั้งที่กรุงเทพมหานครนั้น ผู้คัดค้านที่ 1 ย่อมเล็งเห็นแล้วว่า กลุ่มกำนันซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและเป็นผู้นำหมู่บ้านที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับลูกบ้านสามารถใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์แก่พรรคพลังประชาชนและสมาชิกพรรคที่จะสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งนี้ โดยการไปชักจูงให้ลูกบ้านช่วยเหลือสนับสนุนพรรคพลังประชาชน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันที่ 28 ตุลาคม 2550 จึงเชื่อได้ว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง หาใช่เป็นการจัดฉากสร้างสถานการณ์เพื่อกลั่นแกล้งผู้คัดค้านที่ 1 และพรรรคพลังประชาชน ดังที่ผู้คัดค้านที่ 1 อ้างไม่
...........
เมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ผู้คัดค้านที่ 1 ได้กระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 มาตรา 53 และการกระทำดังกล่าวมีผลทำให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดเชียงรายมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมตามคำร้องของผู้ร้องดังที่ได้วินิจฉัยมาข้างต้น กรณีจึงต้องเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดค้านที่ 1 และให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย เขตเลือกตั้งที่ 3 จำนวน 1 คน ใหม่แทนผู้คัดค้านที่ 2 ตามบทบัญญํติมาตรา 111 แห่งพระราชบัญญํติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550
จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ผู้คัดค้านที่ 1 มีกำหนดเวลา 5 ปี นับแต่วันที่มีคำสั่ง และให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย เขตเลือกตั้งที่ 3 ใหม่ จำนวน 1 คน แทนนางสาวละออง ติยะไพรัช ผู้คัดค้านที่ 2
[/color][/color]