ทริปหัวใจเดินทาง # 16
สมอปูน ...ตำนานภูเขาดอกไม้
        
 
        รุ่งสางค่ำคืนอันแสนสุขก็ถูกทำลายไป ด้วยหน่วยทำลายความวิเวก นอนอยู่บนเปลจับใจความจากน้ำเสียงที่ดังเกินกว่า 80 เดซิเบลได้ว่า สตรีนางหนึ่งตื่นจากการนอน พูดคุยกับเพื่อนสตรีอีกนางหนึ่ง ทั้งสองชวนกันไปแปรงฟันล้างหน้าล้างตา ชวนกันอยู่นานจนเพื่อนคนอื่นลุงไปแล้ว สองนางท่านยังไม่ยอมไปไหน ฝืนใจนอนต่อไปไม่ได้นานก็ลุงไปล้างหน้าล้างตาแล้วเก็บภาพยามเช้า

        ยามเช้าเหนือทุ่งหญ้ากว้าง หยาดน้ำค้างเกาะพราวบนใบแมงมุมและใบหญ้า ดอกไม้ดูสดชื่นกว่าช่วงไหน ๆ แมลงปอตัวน้อยตากปีกกับไอแดดอุ่นยามเช้า ช่วงเวลาพิเศษอย่างนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้อยู่ในโลกส่วนตัว กับกล้องคู่ใจ เพื่อนๆ หลายคนเก็บภาพดอกไม้อยู่อีกฟากหนึ่งของสายน้ำ หลังจากเดินดูโน่นนี่อยู่นาน ก็ลองเก็บภาพหยาดน้ำค้าง เพชรฆาตแสนสวย ที่รอคอยหยิบยื่นความตายให้แมลงที่หลงใหลในหยาดน้ำหวาน ไม่ไกลกันมีโขดหินย่อม ๆ ที่ถูกผักปลาบดอยขั้นปกคลุมอยู่ด้านหนึ่ง ผักปลาบดอยมีดอกเล็ก ๆ สีม่วง ๆ เป็นพู่สวย ทุกครั้งเราก็เพียงแต่ถ่ายภาพฉาบฉวยแล้วก็เดินจากไป เช้านี้อยากซึมซับบรรยากาศดี ๆ ก็เลยนอนเอนไปกับแผ่นหิน ดูผึ้งตัวแล้วตัวเล่าบินมาเก็บเกี่ยวน้ำหวานจากเกสรแล้วบินจากไป ทุกชีวิตในโลกนี้ก็ล้วนแต่มีหน้าที่ให้ต้องดูแลทั้งนั้น

        แดดเริ่มแผดกล้าแล้ว ทุกคนเริ่มออกมาจากโลกส่วนตัว แล้วมารวมตัวกันกินข้าวเช้า ก่อนจะทะยอยเก็บสัมภาระเพื่อออกเดินทางกันต่อ เครื่องนอนและสัมภาระทุกชิ้นถูกเก็บเข้าเป้หลัง แต่ใครคนหนึ่งในกลุ่มตาไวมองเห็นสิงโตรวงข้าวออกดอกอยู่ที่โคนต้นไม้ใหญ่ คราวนี้จึงได้เกิดการแปรขบวนเดินทางมาเข้าแถวรอถ่ายภาพกล้วยไม้ และมีการสำรวจรอบ ๆ จนเจอเข้ากับเอื้องสร้อยทับทิม ออกดอกเล็ก ๆ กลีบดอกเขียวอมเหลืองแต้มเส้นแดง มีปากสีทับทิมสดใส เป็นว่าขบวนเดินทางของเราก็ลงไปหมอบอยู่กับพื้นเพื่อเก็บภาพดอกไม้กันต่อไป

        ครึ่งชั่วโมงต่อมาเรากลับมาตั้งขบวนออกเดินทางอีกครั้ง ตัดข้ามลำธารที่อยู่ด้านหลังที่พัก ผ่านไปบนทุ่งหญ้าเขียวใส นาน ๆ ครั้งจะเจอดอกหงอนนาคดอกใหญ่สีม่วง แทงช่อยาวขึ้นจากพื้นหญ้า ดอกหญ้าบัวก้านยาวแต้มสลับสีเหลืองทำให้ทุ่งกว้างดูสดใสขึ้นเป็นกอง ครู่ใหญ่เราผ่านทุ่งหญ้ารากหอม มีดอกเป็นช่อเล็ก ๆ สีม่วง พวกเราก็แปรขบวนเข้าโอบล้อมเก็บภาพกันสนุกสนาน เจ้าหญ้ารากหอมนี้ได้ชื่อมาจากรากของมันที่เมื่อนำมาขยี้แล้วดมดู จะได้กลิ่นหอม ๆ คล้ายยาหม่องนั่นเอง ถือเป็นดอกไม้เล็ก ๆ แต่สวยงามที่เจอได้บนทุ่งสมอปูนแห่งนี้

        ออกเดินทางกันต่อไปผ่านทุ่งหญ้าสลับลานหิน แดดเริ่มแผดกล้าเอื้องมาวิ่งชูช่อท้าทาย สีทับทิมสดใสไม่ย่อระย่นกับความร้อนแรง สร้อยสุวรรณอาศัยแหล่งน้ำใสเย็น เป็นทั้งแหล่งอาหารและที่พักพิงแสนสบาย เก็บภาพกันไปเดินคุยกันไป ร้องเพลงกันไป มิตรภาพ ดอกไม้ ทางเดินทอดยาว นี่คือที่หมายของนักเดินทางที่รักดอกไม้และการเดินทางทุกคน

        บ่ายโมงเรามาถึงน้ำตกบังเอิญ คนนำทางหุงข้าวแล้วทุกคนก็รวมวงกินมื้อกลางวันง่าย ๆ ข้าวร้อน ๆ หมูหวาน ปลากระป๋อง พวกเราคุยกันถึงเรื่องเมื่อครู่ ชาวบ้านขึ้นมาขโมยกล้วยไม้พาหาบกล้วยไม้ป่าวิ่งหนีเข้าพงรก พวกเราได้แต่เฝ้ามองอยู่ไกล ๆ นี่อาจเป็นคำตอบว่าทำไมสมอปูน จึงได้แปรเปลี่ยนจากทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยกล้วยไม้ดิน และดอกไม้ป่านานาพรรณ บัดนี้เหลือเพียงเส้นทางมิตรภาพยาวไกล และตำนานแห่งภูเขาดอกไม้

        อิ่มข้าวแล้วพวกเราเดินทางกันต่อ ดอกไม้รายทางมีให้พบเห็นทั่วไป แต่เทียบกับระยะทางที่เราต้องเดินถึง 11 กิโลเมตรในวันนี้ ไม่เอื้อให้เราแวะเก็บภาพได้บ่อยนัก เราเดินข้ามน้ำที่ลึกขนาดต้นขาอีกครั้ง แต่สำหรับบางคนมันลึกถึงสะเอว เอ๊ะ ... ก็ข้ามตามกันมาติด ๆ นี่หว่า เส้นทางลัดเลาะไปตามริมน้ำ บางครั้งลำธารเปลี่ยนเป็นสีเขียวสดใสเพราะใต้น้ำเต็มไปด้วยหญ้าหางม้าที่โบกพริ้วไปตามกระแสน้ำ ชวนให้จินตนาการว่าเป็นเส้นผมของผีพรายใต้น้ำ ว่าไปโน่น...