:: TRIP & TREK :: โลกกว้างของคนเดินทาง ::






 

   1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  
5
Copyright © 2002-2005 by TripandTrek.com All Rights Reserved    

เสาร์ 2 พฤศจิกายน 2545

        เช้าวันใหม่พวกเราตื่นขึ้นแต่เช้าพร้อมกับอาการปวดเมื่อยอยู่บ้าง ช่วงเช้านี้เราเห็นสต๊าฟสาละวนกับการเตรียมมื้อเช้า อีกมุมมีกาแฟและกาน้ำร้อนเตรียมไว้ให้

         พวกเราจิบกาแฟกับบรรยากาศดี ๆ ยามเช้า ท่ามกลางหุบเข้าที่ยามมีมีหมอกคลอเคลียยอดเขาอยู่ไม่ห่าง

         หลังจากจัดการมื้อเช้าเรียบร้อย มีการเรียกรวมเพื่อบริหารร่างกายก่อนลงเรือ

        "วันนี้ถ้าเจอขาว ๆ อวบ ๆ ก็พุ่งเข้าใส่เลยนะครับ" คุณเสือแกทำเสียงทะเล้น

        "ผมหมายถึงถ้าเห็นคลื่นใหญ่ที่ยอดแตกเป็นฟองขาวน่ะครับ ถ้าเห็นก็ส่งหัวเรือเข้าไปเลย รับรองสนุกแน่"

        แล้วเก้าโมงเราก็พร้อมที่จะผจญแก่งกันอีกครั้ง
วันนี้เราออกเป็นเรือลำแรกเช่นเคย

         วันนี้เราเจอแก่งแรกคือแก่งส้าน ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อแก่งเรานึกไปถึงค่ำว่า "ซ่าน" เพราะเห็นคลื่นน้ำที่เดือดพล่านอยู่ข้างหน้า

         แต่สอบถามแล้วคำว่าส้าน มาจากชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่ง อุปสรรคของแก่งนี้คือก้อนหินสามก้อนที่อยู่กลางน้ำ

        "เดี๋ยวเราจะเฉียดลงด้านขวาของก้อนหินด้านขวาสุดนะครับ" พี่น้อยนัดแนะ

        "ลองแก่งแล้วซ้ายพายหนัก ๆ นะครับ ไม่งั้นเดี๋ยวเราจะไปกระแทกกับผาหินด้านซ้าย" พี่น้อยพูดต่อ

        เมื่อทุกคนเข้าใจตรงกันแล้ว พี่น้อยสั่งให้ทุกคนพายส่งเรือ

         พี่น้อยคัดท้ายเรือให้เฉียดหินไปได้ ทันที่ทีลงแก่งพวกเราแผดเสียงกรี๊ด พร้อมกับน้ำที่ซัดตูมเข้ามาเต็มหน้า

        พี่น้อยตะโกนแข่งมากับสายน้ำให้พี่หนานและพวกเราฝั่งขวาพายหนัก ๆ เพราะน้ำกำลังพัดเรือเข้าไปใกล้ผาหินด้านซ้ายเต็มที

         "ขวาหนัก ๆ หนานออกแรงหน่อย" พวกเราเห็นพี่หนานจ้วงน้ำเต็มกำลัง แล้วเรือก็ไปกระแทกผาหินเข้าโครมเบ่อเร่อก่อนจะกระเด้งออกมา พวกเราส่งเสียงเฮ กันดังลั่น

         "กินน้ำเข้าไปเต็ม ๆ เลยอ่ะค่ะ มัวแต่กรี๊ด" เราพูดพลางนึกขำตัวเอง ที่มัวแต่
จนโดนน้ำซัดเข้าเต็มปาก

         "แค่แก่งแรกก็เปียกกันหมดแล้วเนอะ" พี่หนานพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

         จากนั้นเรืออีกสี่ลำก็ลงแก่งมาอย่างปลอดภัยทุกลำ

         แก่งต่อมาคือ แก่งเสือเต้นบ้านห้วยลอย ที่เรียกเสียงกรี๊ดจากพวกเราได้ไม่แพ้แก่งส้าน และต่อด้วยแก่งเล็ก ๆ ชื่อ สบน้ำหมาว ที่มีสายน้ำหมาวไหลลงมาทางขวามือ เป็นภาพที่สวยงามไม่น้อย

        พวกเราพายเรือกินบรรยากาศแล้วก็พูดคุยกันตลอดทาง บางครั้งเราพายตีคู่กับลำอื่น ๆ ก็จะเกิดสงครามสาดน้ำกันตลอดเวลา เช้านี้เรามีเรื่องสนุก ๆ จากพี่น้อยอีกแล้ว

        "อ้อ.. นึกออกแล้วจะเล่าเรื่องอะไร" พี่น้อยว่า แกทำท่ากระแอมเล็กน้อยก่อนจะเล่าต่อ

        "คือว่ามีหญิงสาวคนนึงเพิ่งแต่งงาน คราวนี้ด้วยความเจ้าเนื้อของแกเลยไปปรึกษาหมอว่าจะลดน้ำหนักยังไง" พวกเราตั้งใจฟัง

        "หมอก็เลยบอกว่า ช่วงนี้ต้องลดของมัน ๆ ครับ" พี่น้อยพูดหน้าตาย พวกเราพยายามนึกว่าถึงตอนขำหรือยัง ก่อนที่แกจะเล่าต่อด้วยนัยตาเป็นประกาย

        "แล้วผู้หญิงก็รีบบอกหมอกลับไปว่า งดไม่ได้หรอกค่ะหมอของมันส์ ๆ น่ะ เอ่อ..คือว่าหนูเพิ่งแต่งงานค่ะ" เท่านั้นเองพวกเราก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา จนเรือลำอื่น ๆ ต้องหันมามอง

         พอดีเรือมาถึงแก่งอีกแก่งที่น้ำกระจายอยู่ด้านหน้า พี่น้อยบอกว่าแก่งกระโจน อ่ะ.. แค่ชื่อก็มันแล้ว

        "เดี๋ยวแก่งนี้เราจะทิ้งตัวลงตรงน้ำลดระดับครับ แล้วซ้ายพายหนักให้พ้นท่อนซุงและหินด้านซ้ายมือนะครับ" พี่น้อยชี้แจง

        "หมอจะห้ามของมัน ๆ มั๊ยคะ หนูเพิ่งล่องด้วยเนี่ย" เราทำหน้าทะเล้น



" วันนี้ถ้าเจอขาว ๆ อวบ ๆ ก็พุ่งเข้าใส่เลยนะครับ "













        "ห้ามยังไงก็ไม่ต้องฟังแล้ว ไปกันเล้ยยยยยยย" พี่หนานว่า พวกเราพร้อมหน้าพร้อมตากันจ้วงน้ำ เรือทิ้งตัวลงแก่ง พร้อมน้ำที่ซัดกลับมาเต็มลำเรือ พร้อมเสียงกรี๊ดสนั่น
        
         ซ้ายพายเต็มกำลังพาเรือกระเด้งไปตามลูกคลื่นอีกหลายลูกจนพ้นแก่ง พวกเราโห่ฮาเอาชัย ก่อนจะจ้วงพายเข้าริมฝั่งขวาเพื่อเก็บภาพ

         เรือลำอื่น ๆ ทะยอยกันลงแก่ง พวกเราส่งเสียงเชียร์กันสนุกสนาน จนลำสุดท้ายที่ผ่านแก่งไปด้วยลีลาที่สวยงาม

         วันนี้เรือลำสีน้ำเงินของคุณเสือ ดูจะครึกครื้นกันเป็นพิเศษ เพราะหลังจากที่ผ่านแก่งมาได้แต่ละแก่ง บรรดาลูกเรือจะลุกขึ้นมาร้องเพลงเต้นกันอย่างสนุกสนาน

        ไม่นานนักเรามาถึงแก่งใหญ่อีกแก่ง สายน้ำเรียบเบื้องหน้าพวกเรากลายเป็นสายน้ำที่ทิ้งตัวลงกระแทกแก่งหินอย่างบ้าคลั่ง น้ำในแก่งเดือดพล่านตลอดเวลา

        "แก่งสบห้วยเดื่อครับ แก่งนี้ค่อยข้างอันตรายเป็นโค้งหักศอก เราจะลงไลน์ซ้ายสุดเลยนะครับ ลงไปแล้วขวาพายให้หนักเลย เพื่อหักขวาเข้ากลางลำน้ำแล้วทิ้งตัวลงไป ไม่งั้นเราจะกระแทกหินด้านขวาแล้วตกลงไปตรงหลุมไฮโดรด้านล่าง" พี่น้อยเตือนด้วยน้ำเสียงเครียดกว่าทุกครั้ง

        "พร้อมหรือยังครับ เช็คหมวกกับเสื้อให้รัดให้แน่นนะครับ " พี่น้อยเช็คความเรียบร้อยของลูกเรืออีกครั้ง

        "พร้อม ครับ-ค่ะ" พวกเราแผดเสียง
"พร้อมก็ไปกันเลยครับ หมอห้ามก็เปลี่ยนหมอกันเลย" แกพูดกลั้วเสียงหัวเราะ

        และทันทีที่พี่หนานให้จังหวะ พวกเราจ้วงพายลงน้ำพร้อม ๆ กัน หัวเรากระแทกคลื่นขาว ๆ อวบ ๆ หลายลูก แรงน้ำส่งเรือไปทางขวา เบื้องหน้ามองเห็นสายน้ำทิ้งตัวสูงราวเมตรเศษ ๆ

        "ขวาหนัก ๆ ๆ" เสียงพี่น้อยตะโกนแข่งกับสายน้ำโครมครืนพวกเรากราบขวาจ้วงพายกันเต็มกำลัง

         เรือเข้ากลางลำน้ำก่อนจะกระโจนลงจากชั้นน้ำตก น้ำกระแทกเข้าเต็มลำเรือและเอียงวูบไปทางขวา พวกเราแผดเสียงกรี๊ด

         "ซ้ายขวาพาย ๆ " พี่น้อยตะโกนสั่ง
      บน:. ทุกครั้งที่เรือพุ่งเข้าประทะลูกคลื่น หัวเรือจะถูกผลักสูงขึ้นและตกลงอีกครั้ง เป็นการกระเด้งกระดอนที่สนุกแต่แสนจะทรมานบั้นท้าย..  

      ล่าง :. ลูกเรือช่วยกันพายต่อสู้กับแก่งเดือด เพื่อให้หลุดจากแก่งได้อย่างปลอดภัย ที่สำคัญในการล่องแก่งคือต้องปฎิบัติตามคำสั่งของนายท้ายอย่างเคร่งครัด   
 
เรื่องโดย : Joyful
ภาพโดย : Lighthouse
เรื่องเล่าคนเดินทาง
ข้อมูลการเดินทาง
แผนที่การเดินทาง
มุมมองคนหลังเลนส์
ความทรงจำบนแผ่นฟิล์ม